สารบัญ
- ถิ่นกำเนิดของอิตาเลี่ยนเบซิล
- ลักษณะทางพฤกษาสตร์ของอิตาเลี่ยนเบซิล
- พันธุ์ของอิตาเลี่ยนเบซิลมีอะไรบ้าง
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียวกับสีม่วงต่างกันอย่างไร
- วิธีปลูกและดูแลต้นอิตาเลี่ยนเบซิล
- โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยของต้นอิตาเลี่ยนเบซิล
- วิธีการขยายพันธุ์อิตาเลี่ยนเบซิล
- สารอาหารสำคัญ และ 6 สรรพคุณของอิตาเลี่ยนเบซิล
- เมนูอาหารของอิตาเลี่ยนเบซิล
อิตาเลียนเบซิล หรือโหระพาอิตาลีเป็นที่รู้จักกันดี เพราะมีกลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะตัว เป็นผักสมุนไพรของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน และยังได้รับการยกย่องในด้านคุณสมบัติในการบำบัดรักษามาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
• ถิ่นกำเนิดของอิตาเลี่ยนเบซิล
อิตาเลียนเบซิล (Italian Basil) หรือ โหระพาอิตาเลี่ยน
- มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum basilicum
- มีชื่อเรียกในไทยหลายชื่อ เช่น โหระพาฝรั่ง , สวีทเบซิล , โหระพาอิตาเลียน, โหระพาเจโนวีส (Genovese basil) ซึ่งเป็นชื่อโหระพาพันธุ์หนึ่งที่ใช้ในอาหารอิตาเลียน
- เป็นพืชใน วงศ์ LABIATAE หรือ วงศ์ Lamiaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับพืชสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดี เช่น กะเพรา แมงลัก โหระพา มิ้นต์ และพืชตระกูลสะระแหน่อื่นๆ ฉะนั้นการปลูกในเมืองไทยไม่ยาก เพราะเนื่องจากเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อน
• ลักษณะทางพฤกษาสตร์ของอิตาเลี่ยนเบซิล
•พันธุ์ของอิตาเลี่ยนเบซิลมีอะไรบ้าง
โดยทั่วไปแล้ว อิตาเลียนเบซิล (Italian basil) หรือโหระพาอิตาเลียนที่พบเห็นกันบ่อยๆ จะมีอยู่ 2 สีหลักๆ คือ
- อิตาเลียนเบซิลสีเขียว : เป็นสีที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายพันธุ์ยอดนิยมอย่าง Genovese basil ซึ่งมีใบสีเขียวเข้มและเป็นมัน
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: ใบเป็นสีม่วงหรือสีแดงเข้ม ซึ่งนอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังนิยมใช้เพื่อความสวยงามในการตกแต่งจานอาหารอีกด้วย
โดยสายพันธุ์สีเขียวมักจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่นุ่มนวลกว่า ส่วนสายพันธุ์สีม่วง/แดงจะมีกลิ่นที่เข้มข้นและเผ็ดร้อนกว่า
🛒สินค้าคลิก▶️
อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียวกับสีม่วงต่างกันอย่างไร
กลิ่นและรสชาติ
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียว: จะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มีรสชาติที่เผ็ดร้อนเล็กน้อย (spicy, peppery) ซึ่งเป็นรสชาติแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันในอาหารอิตาเลียน
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: มักจะมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นกว่า มีกลิ่นที่ซับซ้อนกว่า โดยเฉพาะกลิ่นที่คล้ายกานพลู (clove) หรือยี่หร่า (anise) บางสายพันธุ์อาจมีรสชาติที่เผ็ดร้อนกว่าด้วย
การนำไปทำอาหาร
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียว: นิยมใช้ในอาหารอิตาเลียนแทบทุกชนิด เช่น เพสโต (pesto), สลัดคาเปรเซ่ (Caprese salad), ซอสมะเขือเทศ และการโรยหน้าพิซซ่าหรือพาสต้า เพราะรสชาติที่อ่อนนุ่มและเข้ากันได้ดีกับวัตถุดิบอื่นๆ
- อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: มักใช้เป็น เครื่องตกแต่ง (garnish) บนจานอาหารเพื่อเพิ่มสีสันที่น่าสนใจ หรือนำไปทำน้ำสลัดและน้ำส้มสายชูที่ต้องการสีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในอาหารประเภทซุป สตู หรือแกงต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติที่เข้มข้นขึ้น
• วิธีปลูกและดูแลต้นอิตาเลี่ยนเบซิล
• โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อย
โรคพืช:
- โรคราน้ำค้าง (Downy Mildew): เป็นโรคที่พบบ่อยในโหระพา โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและอากาศถ่ายเทไม่ดี จะสังเกตเห็นฝุ่นสีเทาหรือสีน้ำตาลอมม่วงที่ด้านล่างของใบ ทำให้ใบเหลืองและร่วง
- โรคใบจุด (Leaf Spot): เกิดจากเชื้อรา ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลหรือดำบนใบและลำต้น
- โรครากเน่าโคนเน่า: มักเกิดจากดินที่ระบายน้ำได้ไม่ดี ทำให้รากเน่าและต้นตายในที่สุด
แมลงศัตรูพืช:
- เพลี้ยอ่อนและเพลี้ยไฟ: แมลงขนาดเล็กที่ดูดน้ำเลี้ยงจากใบอ่อนและยอด ทำให้ใบหงิกงอและชะงักการเจริญเติบโต
- หนอนชอนใบ (Leaf Miner): หนอนจะเจาะเข้าไปชอนไชอยู่ใต้ผิวใบ ทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวหรือสีน้ำตาลบนใบ
- หนอนกระทู้ผัก: หนอนผีเสื้อกลางคืนที่กัดกินใบและลำต้น ทำให้พืชเสียหายอย่างรวดเร็ว
วิธีป้องกันและแก้ไข:
- เลือกพันธุ์ที่ทนทาน: หากเป็นไปได้ ให้เลือกปลูกสายพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค
- การจัดการน้ำและแสงแดด: รดน้ำที่โคนต้นในตอนเช้าเพื่อลดความชื้นบนใบ และให้ต้นได้รับแสงแดดเต็มที่
- การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งและใบที่แน่นทึบออก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น
- ใช้สารชีวภัณฑ์: สำหรับการปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น ไตรโคเดอร์มา (Trichoderma) สารชีวภัณฑ์ตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันและกำจัดโรคและแมลงได้
- กำจัดศัตรูพืชด้วยมือ: หากพบแมลงไม่มากนัก ให้ใช้มือเด็ด
• วิธีการขยายพันธุ์อิตาเลียนเบซิล
การขยายพันธุ์โหระพาอิตาเลียนสามารถทำได้ 2 วิธี
-
การเพาะเมล็ด
- เตรียมดิน: ใช้ดินที่มีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดี เช่น พีทมอส หรือดินผสมที่พร้อมปลูก
- หยอดเมล็ด: หยอดเมล็ดลงในกระถางหรือถาดเพาะเมล็ด ลึกประมาณ 1/4 นิ้ว (ประมาณ 0.6 ซม.)
- การดูแล: รดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่แฉะเกินไป ตั้งกระถางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 7-10 วัน
- การย้ายปลูก: เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ (อายุประมาณ 4-6 สัปดาห์) จึงย้ายไปปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้นหรือลงแปลงปลูก
-
การปักชำ
- เลือกกิ่ง: เลือกกิ่งที่มีความสมบูรณ์ ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป และไม่มีดอก
- ตัดกิ่ง: ตัดกิ่งยาวประมาณ 4-6 นิ้ว (10-15 ซม.) โดยตัดใต้ข้อใบ
- เด็ดใบ: เด็ดใบล่างออกให้เหลือแต่ใบบน 2-3 ใบ เพื่อลดการคายน้ำ
- ปักชำในน้ำ: นำกิ่งที่ตัดแล้วไปปักในแก้วน้ำสะอาด วางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร เปลี่ยนน้ำทุก ๆ 2-3 วัน รากจะเริ่มงอกออกมาใน 1-2 สัปดาห์
- ปักชำในดิน: หรือจะปักกิ่งที่ตัดแล้วลงในดินปลูกที่ชุ่มชื้นทันทีก็ได้เช่นกัน โดยให้ฝังลึกลงไปประมาณ 1-2 นิ้ว
การดูแล: รดน้ำให้ดินชุ่มชื้นเสมอ วางไว้ในที่ร่มรำไร เมื่อรากเริ่มแข็งแรงและมีใบใหม่แตกออกมา จึงค่อยย้ายไปปลูกในที่ที่มีแสงแดดจัดขึ้น
สารอาหารสำคัญ และ 6 สรรพคุณของอิตาเลี่ยนเบซิล
อิตาเลียนเบซิล (Italian Basil) หรือโหระพาอิตาเลียน ไม่เพียงแต่เป็นสมุนไพรที่ใช้เพิ่มกลิ่นและรสชาติในอาหาร แต่ยังมีสรรพคุณทางสุขภาพที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากสารประกอบทางพฤกษเคมี (phytochemicals) และน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในใบ
คุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น:
- วิตามิน K: มีส่วนสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงสุขภาพกระดูก
- วิตามิน A: ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- วิตามิน C: สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
สารต้านอนุมูลอิสระ
อิตาเลียนเบซิลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
ช่วยระบบย่อยอาหาร
สารประกอบในอิตาเลียนเบซิลมีคุณสมบัติช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องได้อีกด้วย
มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
น้ำมันหอมระเหยในใบอิตาเลียนเบซิล มีสารสำคัญอย่าง ยูจีนอล (eugenol) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ จึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย
ดีต่อสุขภาพหัวใจ
สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน K ที่มีในอิตาเลียนเบซิลสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้
ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลาย
กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยของอิตาเลียนเบซิลมีคุณสมบัติช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และลดอาการซึมเศร้าได้
คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
น้ำมันอิตาเลียนเบซิลมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสบางชนิด จึงมีการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อรักษาอาการติดเชื้อ
•เมนูยอดนิยมที่ทำจากอิตาเลี่ยนเบซิล
- อิตาเลียนเบซิลเป็นหัวใจสำคัญของอาหารอิตาเลียนหลายเมนู เนื่องจากกลิ่นและรสชาติที่เข้ากันได้ดีกับวัตถุดิบหลักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ กระเทียม และชีส เมนูที่นิยมได้แก่:
ซอสเพสโต้ (Pesto Sauce)
เป็นซอสที่มีชื่อเสียงที่สุด ทำจากใบโหระพาอิตาเลียน (Genovese basil) ถั่วไพน์นัท (pine nuts) กระเทียม น้ำมันมะกอก Extra Virgin Oil และชีสพาร์เมซาน
สลัดคาเปรเซ่ (Caprese Salad)
สลัดที่เรียบง่ายแต่มีรสชาติอร่อย ประกอบด้วยมะเขือเทศ มอสซาเรลล่าชีส และใบโหระพาอิตาเลี่ยนสด ราดด้วยน้ำมันมะกอก
พาสต้า
ใช้เป็นส่วนประกอบในซอสพาสต้าต่างๆ โดยเฉพาะซอสมะเขือเทศ หรือใช้ตกแต่งจานพาสต้าเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
สินค้าที่น่าสนใจ
ต้นโรสแมรี่เลื้อย
ต้นหญ้าหวาน|
69฿Original price was: 69฿.59฿Current price is: 59฿.ต้นเปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
ต้นกะเพราแดง
ต้นพริกขี้หนู
ต้นสะระแหน่
ต้นวอเตอร์เครสเขียว
ต้นผักชีฝรั่ง
ต้นจิงจูฉ่าย
ต้นกระชายขาว
ต้นวอเตอร์เครสแดง
เมล็ดพันธุ์กะเพราแดง
เมล็ดโหระพา เจียไต๋
เมล็ดผักสลัดบิ๊กเรดโอ๊ค
เมล็ดพันธุ์กะเพราป่า
เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลูกท้อ
เมล็ดพันธุ์คะน้ายอด
เมล็ดพันธุ์แมงลัก เจียไต๋
เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ
เมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่ม
เมล็ดพันธุ์บวบงูสเน็กกี้
เมล็ดพันธุ์ผักกะหล่ำปลี
ไตรโคมิ้นท์ (Trichomint)
ไตร-แท๊บ (ไตรโคเดอร์มา)
สมุนไพรสกัดสะเดา real margosa
ปุ๋ยมูลไส้เดือน100% (vermicompost)
ปุ๋ยน้ำอินทรีย์น้ำทิพย์ชโลมพืช
ช่องาม อีเอ็ม(EM)
ไตรซาน ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม
สารชีวภัณฑ์เมทาซาน เมทาไรเซียม แอนิโซเพลีย
บทความที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️
อิตาเลี่ยนเบซิล ผักเมดิเตอร์เรเนียน ปลูกง่าย
อิตาเลี่ยนเบซิล...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกผักกินใบในแต่ละฤดู
🌱ปลูกผักกินใบใน...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
19 ของเหลือในครัว ทำปุ๋ยได้ง่ายแบบโฮมเมด
ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้มงคลทานได้
ดอกบานชื่น มีคว...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ฟักทองพันธุ์ต่างๆและวิธีปลูก
ฟักทองยอดนิยมพั...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี
การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ
เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️