อิตาเลี่ยนเบซิล ผักเมดิเตอร์เรเนียน ปลูกง่าย

อิตาเลี่ยนเบซิล ผักเมดิเตอร์เรเนียน 1

อิตาเลียนเบซิล  หรือโหระพาอิตาลีเป็นที่รู้จักกันดี เพราะมีกลิ่นหอมและรสชาติเฉพาะตัว เป็นผักสมุนไพรของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน และยังได้รับการยกย่องในด้านคุณสมบัติในการบำบัดรักษามาเป็นเวลาหลายศตวรรษ

• ถิ่นกำเนิดของอิตาเลี่ยนเบซิล

อิตาเลียนเบซิล (Italian Basil)  หรือ โหระพาอิตาเลี่ยน

  • มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum basilicum
  • มีชื่อเรียกในไทยหลายชื่อ เช่น โหระพาฝรั่ง , สวีทเบซิล , โหระพาอิตาเลียน, โหระพาเจโนวีส (Genovese basil) ซึ่งเป็นชื่อโหระพาพันธุ์หนึ่งที่ใช้ในอาหารอิตาเลียน
  • เป็นพืชใน วงศ์ LABIATAE หรือ วงศ์ Lamiaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับพืชสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดี เช่น กะเพรา แมงลัก โหระพา มิ้นต์ และพืชตระกูลสะระแหน่อื่นๆ ฉะนั้นการปลูกในเมืองไทยไม่ยาก เพราะเนื่องจากเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อน

• ลักษณะทางพฤกษาสตร์ของอิตาเลี่ยนเบซิล

ใบอิตาเลี่ยนเบซิล

ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ใบมีขนาดใหญ่กว่าโหระพาไทย มีรูปร่างคล้ายรูปไข่หรือรูปช้อน สีเขียวเข้ม และมีพื้นผิวที่มันเงา

ลำต้นอิตาเลี่ยนเบซิล

เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยม และอาจมีขนอ่อนปกคลุม

ดอกอิตาเลี่ยนเบซิล

ดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีสีขาวหรือชมพูอ่อน

•พันธุ์ของอิตาเลี่ยนเบซิลมีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว อิตาเลียนเบซิล (Italian basil) หรือโหระพาอิตาเลียนที่พบเห็นกันบ่อยๆ จะมีอยู่ 2 สีหลักๆ คือ

  • อิตาเลียนเบซิลสีเขียว : เป็นสีที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายพันธุ์ยอดนิยมอย่าง Genovese basil ซึ่งมีใบสีเขียวเข้มและเป็นมัน
  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: ใบเป็นสีม่วงหรือสีแดงเข้ม ซึ่งนอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังนิยมใช้เพื่อความสวยงามในการตกแต่งจานอาหารอีกด้วย

โดยสายพันธุ์สีเขียวมักจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่นุ่มนวลกว่า ส่วนสายพันธุ์สีม่วง/แดงจะมีกลิ่นที่เข้มข้นและเผ็ดร้อนกว่า

🛒สินค้าคลิก▶️

-13%
+
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
-10%
+
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
-10%
+
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียวกับสีม่วงต่างกันอย่างไร

กลิ่นและรสชาติ

  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียว: จะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มีรสชาติที่เผ็ดร้อนเล็กน้อย (spicy, peppery) ซึ่งเป็นรสชาติแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันในอาหารอิตาเลียน
  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: มักจะมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นกว่า มีกลิ่นที่ซับซ้อนกว่า โดยเฉพาะกลิ่นที่คล้ายกานพลู (clove) หรือยี่หร่า (anise) บางสายพันธุ์อาจมีรสชาติที่เผ็ดร้อนกว่าด้วย

การนำไปทำอาหาร

  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีเขียว: นิยมใช้ในอาหารอิตาเลียนแทบทุกชนิด เช่น เพสโต (pesto), สลัดคาเปรเซ่ (Caprese salad), ซอสมะเขือเทศ และการโรยหน้าพิซซ่าหรือพาสต้า เพราะรสชาติที่อ่อนนุ่มและเข้ากันได้ดีกับวัตถุดิบอื่นๆ
  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วง: มักใช้เป็น เครื่องตกแต่ง (garnish) บนจานอาหารเพื่อเพิ่มสีสันที่น่าสนใจ หรือนำไปทำน้ำสลัดและน้ำส้มสายชูที่ต้องการสีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในอาหารประเภทซุป สตู หรือแกงต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติที่เข้มข้นขึ้น

• วิธีปลูกและดูแลต้นอิตาเลี่ยนเบซิล

แสงแดด

  • ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • อิตาเลี่ยนเบซิลสีม่วงจะยิ่งแสดงสีสันที่เข้มขึ้นเมื่อโดนแสงแดดเต็มที่

ดินปลูก

ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์

การให้น้ำ

รดน้ำสม่ำเสมอให้ดินชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่ควรแฉะ ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำบนใบเพื่อป้องกันการเกิดโรค

การตัดแต่ง

ควรตัดยอด (pruning) บ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้พุ่มแตกกิ่งและใบมากขึ้น การตัดยอดจะช่วยให้ต้นไม่ยืดสูงเกินไปและป้องกันการออกดอก

• โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อย

โรคพืช:

  • โรคราน้ำค้าง (Downy Mildew): เป็นโรคที่พบบ่อยในโหระพา โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและอากาศถ่ายเทไม่ดี จะสังเกตเห็นฝุ่นสีเทาหรือสีน้ำตาลอมม่วงที่ด้านล่างของใบ ทำให้ใบเหลืองและร่วง
  • โรคใบจุด (Leaf Spot): เกิดจากเชื้อรา ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลหรือดำบนใบและลำต้น
  • โรครากเน่าโคนเน่า: มักเกิดจากดินที่ระบายน้ำได้ไม่ดี ทำให้รากเน่าและต้นตายในที่สุด

แมลงศัตรูพืช:

  • เพลี้ยอ่อนและเพลี้ยไฟ: แมลงขนาดเล็กที่ดูดน้ำเลี้ยงจากใบอ่อนและยอด ทำให้ใบหงิกงอและชะงักการเจริญเติบโต
  • หนอนชอนใบ (Leaf Miner): หนอนจะเจาะเข้าไปชอนไชอยู่ใต้ผิวใบ ทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวหรือสีน้ำตาลบนใบ
  • หนอนกระทู้ผัก: หนอนผีเสื้อกลางคืนที่กัดกินใบและลำต้น ทำให้พืชเสียหายอย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันและแก้ไข:

  • เลือกพันธุ์ที่ทนทาน: หากเป็นไปได้ ให้เลือกปลูกสายพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค
  • การจัดการน้ำและแสงแดด: รดน้ำที่โคนต้นในตอนเช้าเพื่อลดความชื้นบนใบ และให้ต้นได้รับแสงแดดเต็มที่
  • การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งและใบที่แน่นทึบออก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น
  • ใช้สารชีวภัณฑ์: สำหรับการปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น ไตรโคเดอร์มา (Trichoderma)  สารชีวภัณฑ์ตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันและกำจัดโรคและแมลงได้
  • กำจัดศัตรูพืชด้วยมือ: หากพบแมลงไม่มากนัก ให้ใช้มือเด็ด

• วิธีการขยายพันธุ์อิตาเลียนเบซิล

การขยายพันธุ์โหระพาอิตาเลียนสามารถทำได้ 2 วิธี

  1. การเพาะเมล็ด

  • เตรียมดิน: ใช้ดินที่มีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดี เช่น พีทมอส หรือดินผสมที่พร้อมปลูก
  • หยอดเมล็ด: หยอดเมล็ดลงในกระถางหรือถาดเพาะเมล็ด ลึกประมาณ 1/4 นิ้ว (ประมาณ 0.6 ซม.)
  • การดูแล: รดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่แฉะเกินไป ตั้งกระถางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 7-10 วัน
  • การย้ายปลูก: เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ (อายุประมาณ 4-6 สัปดาห์) จึงย้ายไปปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้นหรือลงแปลงปลูก
  1. การปักชำ

  • เลือกกิ่ง: เลือกกิ่งที่มีความสมบูรณ์ ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป และไม่มีดอก
  • ตัดกิ่ง: ตัดกิ่งยาวประมาณ 4-6 นิ้ว (10-15 ซม.) โดยตัดใต้ข้อใบ
  • เด็ดใบ: เด็ดใบล่างออกให้เหลือแต่ใบบน 2-3 ใบ เพื่อลดการคายน้ำ
  • ปักชำในน้ำ: นำกิ่งที่ตัดแล้วไปปักในแก้วน้ำสะอาด วางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร เปลี่ยนน้ำทุก ๆ 2-3 วัน รากจะเริ่มงอกออกมาใน 1-2 สัปดาห์
  • ปักชำในดิน: หรือจะปักกิ่งที่ตัดแล้วลงในดินปลูกที่ชุ่มชื้นทันทีก็ได้เช่นกัน โดยให้ฝังลึกลงไปประมาณ 1-2 นิ้ว

การดูแล: รดน้ำให้ดินชุ่มชื้นเสมอ วางไว้ในที่ร่มรำไร เมื่อรากเริ่มแข็งแรงและมีใบใหม่แตกออกมา จึงค่อยย้ายไปปลูกในที่ที่มีแสงแดดจัดขึ้น

สารอาหารสำคัญ และ 6 สรรพคุณของอิตาเลี่ยนเบซิล

อิตาเลียนเบซิล (Italian Basil) หรือโหระพาอิตาเลียน ไม่เพียงแต่เป็นสมุนไพรที่ใช้เพิ่มกลิ่นและรสชาติในอาหาร แต่ยังมีสรรพคุณทางสุขภาพที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากสารประกอบทางพฤกษเคมี (phytochemicals) และน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในใบ

คุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น:

  • วิตามิน K: มีส่วนสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงสุขภาพกระดูก
  • วิตามิน A: ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • วิตามิน C: สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ต้านอนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระ

อิตาเลียนเบซิลมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งและโรคหัวใจ

ช่วยระบบย่อยอาหาร

สารประกอบในอิตาเลียนเบซิลมีคุณสมบัติช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องได้อีกด้วย

ต้านการอักเสบ

มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

น้ำมันหอมระเหยในใบอิตาเลียนเบซิล มีสารสำคัญอย่าง ยูจีนอล (eugenol) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ จึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย

ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ดีต่อสุขภาพหัวใจ

สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน K ที่มีในอิตาเลียนเบซิลสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้

ต้านความเครียด

ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลาย

กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยของอิตาเลียนเบซิลมีคุณสมบัติช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และลดอาการซึมเศร้าได้

คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

น้ำมันอิตาเลียนเบซิลมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสบางชนิด จึงมีการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อรักษาอาการติดเชื้อ

•เมนูยอดนิยมที่ทำจากอิตาเลี่ยนเบซิล

  • อิตาเลียนเบซิลเป็นหัวใจสำคัญของอาหารอิตาเลียนหลายเมนู เนื่องจากกลิ่นและรสชาติที่เข้ากันได้ดีกับวัตถุดิบหลักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ กระเทียม และชีส เมนูที่นิยมได้แก่:

ซอสเพสโต้ (Pesto Sauce)

เป็นซอสที่มีชื่อเสียงที่สุด ทำจากใบโหระพาอิตาเลียน (Genovese basil) ถั่วไพน์นัท (pine nuts) กระเทียม น้ำมันมะกอก Extra Virgin Oil และชีสพาร์เมซาน

🧺 ซอสพาสโต้สำเร็จรูป

สลัดคาเปรเซ่ (Caprese Salad)

สลัดที่เรียบง่ายแต่มีรสชาติอร่อย ประกอบด้วยมะเขือเทศ มอสซาเรลล่าชีส และใบโหระพาอิตาเลี่ยนสด ราดด้วยน้ำมันมะกอก

🧺น้ำมันมะกอก Extra Virgin Oil

พาสต้า

ใช้เป็นส่วนประกอบในซอสพาสต้าต่างๆ โดยเฉพาะซอสมะเขือเทศ หรือใช้ตกแต่งจานพาสต้าเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม

🧺ซอสพาสต้ามะเขือเทศ

พิซซ่า

ใบโหระพาอิตาเลี่ยนสดมักถูกนำมาโรยหน้าพิซซ่าหลังจากอบเสร็จ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมสดชื่น เช่น ในเมนู พิซซ่ามาร์เกริต้า (Pizza Margherita)

บรูสเก็ตต้า (Bruschetta)

ขนมปังปิ้งราดด้วยมะเขือเทศสับปรุงรสด้วยโหระพาอิตาเลี่ยนและกระเทียม

น้ำมันอิตาเลี่ยนเบซิล (Itlalian Basil Oil)

ใช้ใบอิตาเลี่ยนเบซิลไปปั่นรวมกับน้ำมันมะกอก เพื่อใช้ราดบนเมนูต่างๆ เช่น ซุป หรือสลัด

Anndagarden ฝากกด like เพจด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆจากเรา

สินค้าที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ

บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️

อิตาเลี่ยนเบซิล ผักเมดิเตอร์เรเนียน ปลูกง่าย

อิตาเลี่ยนเบซิล...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ปลูกผักกินใบในแต่ละฤดู

🌱ปลูกผักกินใบใน...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้มงคลทานได้

ดอกบานชื่น มีคว...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ฟักทองพันธุ์ต่างๆและวิธีปลูก

ฟักทองยอดนิยมพั...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี

การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ

เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

 เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้   เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็ปไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจคุณ ดูรายละเอียดนโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้