ประวัติความเป็นมาของใบแมงลัก1
แมงลักมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย เช่นอินเดีย และ ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพืชตะกูลเดียวกับกะเพรา และโหระพา
- ชื่อวิทยาศาสต์ Ocimum citriodourm
- ชื่อสามัญ คือ Hairy basil
- ชื่ออื่นๆ lemon basil, Hoary basil , basil
- ชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่น ดังนี้ ภาษากลาง เรียกว่า แมงลัก, มังลัก | ภาษาเหนือ เรียกว่า ก้อมก้อ, ก้อมก้อขาว |จังหวัดเลย เรียก ผักอีตู่
ลักษณะพฤกษศาสตร์ของใบแมงลัก1
- แมงลักเป็นไม้ล้มลุก สูง 0.3-0.8 เมตร
- ลำต้นเป็นเหลี่ยม มีขนประปราย กิ่งก้านสีออกเขียวขาว คล้ายกะเพรา
- ใบเป็นใบเดียว รูปรี ขอบใบเรียบหรือหยักมน ผิวใบขนเล็กน้อย กลิ่นหอมร้อน
- ดอกเล็กสีขาวเป็นช่อยาวที่ปลายกิ่ง ยาวประมาณ 6-10 ซม. โคนกลีบดอกเชื่อมต่อกัน ใบประดับและดอกมีขน ใบประดับยังคงอยู่เมื่อติดผล ผลหรือเมล็ดมีขนาดเล็กรี กลายเป็นสีดำเมื่อแก่
- ผลเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย เรียกว่า เมล็ดแมงลัก แช่น้ำพองตัว
- ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
- ฤดูกาล: เจริญเติบไตได้ทั้งปี
การปลูกและการดูแลใบแมงลัก
การปลูก
- แมงลักเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี ส่วนใหญ่นิยมปลูกเป็นพืชสวนครัว เพราะการไปซื้อจากตลาดมาเก็บในตู้เย็นจะเก็บได้ไม่นานเพียงวันเดียวก็เหี่ยว ดังนั้นการปลูกในบ้านจะทำให้สะดวกและได้สารอาหารมากกว่า
- เพื่อความสะดวกสามารถเลือกซื้อต้นกล้าแมงลักสำเร็จรูปมาลงปลูกในแปลงหรือกระถางได้ ช่วยย่นระยะเวลาในการเพาะเมล็ดและเพาะชำได้ 1-2 เดือน หรือ เลือกเมล็ดพันธุ์แมงลักที่ดีควรมีลักษณะใบใหญ่พอดี ไม่เล็กหรือแคระแกร็น
- แมงลักเจริญเติบโตดีหากปลูกในฤดูฝน ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวไปได้ เรื่อยๆ ทุก 15-20 วัน การเลือกพื้นที่ปลูกควรเป็นที่ดอน แต่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมาใช้รดได้สะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ปกติสามารถขึ้นได้ดี ในดินทุกชนิด แต่แมงลักจะชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ร่วนซุย ระบายน้ำดี และ ปลอดจากลมแรง
- สามารถปลูกได้โดยใช้กิ่งชำหรือใช้เมล็ดเพาะเป็นต้นกล้าแล้วค่อยย้ายไปปลูก
shop now
การเตรียมดิน
- ขุดพรวนดินให้ลึก 30-40 ซม. ย่อยดินให้ละเอียด ตากดินไว้ 10 วัน ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกแห้ง อัตรา ๒ กก. ต่อตารางเมตร หรือสะดวกใส่ ปุ๋ยเคมี เพราะมีปุ๋ยคอกน้อยก็ให้ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะต่อตารางเมตร คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วตักดินใส่กระถาง กระบะ หรือภาชนะแขวนก็ได้ ให้ มีดินสูง 30 ซม. สำหรับให้รากยึดเกาะ
- เมื่อเมล็ดงอกขึ้นมาได้อายุ 1 เดือน ลงแปลงกระบะหรือกระถาง หรือภาชนะห้อยแขวน ที่เตรียมดินไว้ ระยะระหว่างต้น 40 ซม. หากต้องการย้ายต้นกล้า ให้ใช้เสียมขุดขึ้นมาแล้วตัดส่วนยอดทิ้งเสียก่อนนำไปปลูกในกระถางใบใหม่ อาจตัดออกถึงครึ่งต้นก็ได้
- ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรตัดแต่งรากด้วย เพราะแมงลักที่ตัดแต่งรากจะ งอกงามกว่า ทั้งนี้หลังการปลูกต้องรดน้ำด้วยทุกวันอย่างเพียงพอ ต้นแมงลักจะ เติบโตและแตกกิ่งก้านใบใหม่
การดูแลรักษา
ควรจะให้น้ำสม่ำเสมอ วันละ 1 ครั้ง อย่าให้น้ำท่วมขัง และอย่าให้แห้งแล้ง รดน้ำหมักชีวภาพทุก 7 วัน ถ้าไม่มี ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 หลังเพาะกล้า 7 วัน
และครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 20-11-11 ในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อตารางเมตร ห่างจากการให้ปุ๋ยครั้งแรก 15 วัน
หากต้นแมงลักมีหนอนแมลงมารบกวน หรือมีไวรัสให้เกิดโรค ควรถอนทิ้งและทำการเพาะปลูกใหม่ในกระถางใหม่ และดินใหม่
การเก็บเกี่ยว
สามารถเก็บเกี่ยวทานไปได้เรื่อยๆ และสามารถชะลอการเก็บเกี่ยวออกไปได้โดยการ เด็ดยอดที่มีดอกทิ้ง จนถึงระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ จึงควรทำการถอนทิ้งเพื่อปลูกใหม่
วิธีการบำรุงต้นแมงลัก
โดยการบำรุงโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ , ปุ๋ยคอก , หรือปุ๋ยไส้เดือนใส่ที่โคนต้นเดือนละครั้ง นอกจากนี้ควรเรียนรู้เรื่องโรคเกี่ยวกับแมงลัก เพื่อป้องกันการเกิดโรคในกะเพราและทำให้ได้ทานกะเพราได้นานขึ้น
คุณค่าทางโภชนาการ
- ใบแมงลัก 100 กรัม ให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี่
- ประกอบด้วย โปรตีน 2.9 กรัม, ไขมัน 1 กรัม , คาร์โบไฮเดรต 2.4 กรัม , แคลเซียม 140 มิลลิกรัม , ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม , เหล็ก 2.06 มิลลิกรัม, เบต้าแคโรทีน 590.56 ไมโครกรัม , เส้นใย 3.50 กรัม , ไนอะซิน 1 มิลลิกรัม , วิตามินบี 1 0.09 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.25 มิลลิกรัม , วิตามินซี 27 มิลลิกรัม
สรรพคุณทางยาของแมงลัก2
ใบแมงลัก ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยประเภทการบูร เบอร์นีอัล ซีนีออล และยูจีนอล จึงมีสรรพคุณขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา ที่ทำให้เกิดโรคกลากและเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้
- ใช้ลำต้นสด นํามาต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาแก้ไอ ขับเหงื่อ ขับลม กระตุ้น และ แก้โรคทางเดินอาหาร เป็นต้น
- ใช้ใบแมงลักสด 10 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก เติมน้ำลงไปเล็กน้อย คั้นเอาน้ำมาดื่มขับลมในท้อง
- ใช้ใบแมงลักสด 10 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด ตำแหลก เติมน้ำลงไปเล็กน้อย คั้นเอาน้ำมาทากลากน้ำนม วันละ 1 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์ และใช้กากใบ ที่ตำทาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด ทั้งนี้มีการทดลองสกัดสารจากแมงลักด้วย อัลกอฮอล์ น่าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด พบว่าฆ่าได้ทั้งแบคทีเรียแกรม ลบ และแบคทีเรียแกรมบวก
- ใช้ใบสด นำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำกิน เป็นยาแก้หวัด แก้หลอดลม อักเสบ แก้โรคท้องร่วง แก้ไอ แก้โรคทางเดินอาหารหรือโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ โดยรับประทานนํ้าต้มใบแมงลัก และบรรเทาอาการปวดฟัน โดยอมหรือ บ้วนปากด้วยนํ้าต้มใบแมงลักเช่นกัน
- ใช้เมล็ดแห้ง น่ามาแช่นํ้า จะเกิดการพองตัว แล้วใช้กินเป็นยาระบาย ลด ความอ้วน ช่วยดูดซึมน้ำตาลในเส้นเลือด ขับเหงื่อ และช่วยเพิ่มปริมาณ ของอุจจาระช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ทานบ่อยๆ ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- เมล็ดแมงลักมีคุณสมบัติพิเศษ มีสารเมือกที่ขยาย ตัวหรือพองตัวในน้ำได้ ๔๕ เท่า และไม่ถูกย่อยใน ร่างกายด้วย เม็ดแมงลักจึงช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ช่วยลดความต้องการอาหาร และแก้ปัญหาท้องผูก ให้คนที่ไม่ชอบทานผัก ผลไม้ แต่ต้องแน่ใจว่าแช่ เม็ดแมงลักจนพองตัวเต็มที่แล้ว เพราะถ้าเม็ดแมงลักพองตัวไม่ดี เมื่อลงไปอยู่ในกระเพาะอาหารจะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหารและลำไส้ เกิดอาการขาดน้ำ ทำให้อุจจาระแข็ง ท้องผูก และท้องอืดได้
- น้ำมันแมงลักมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อวัณโรค
- มีการสกัดน้ำมันหอมระเหยไปเป็นส่วนผสมในน้ำหอม ผสมสบู่ เครื่องสำอางยาดม ยาระบาย ยาทาถูนวด
เมนูจากใบแมงลัก3
ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน
- ปลาช่อน [500 กรัม] 1 ตัว
- พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออก 15 เม็ด
- หอมแดงหั่น 1/2 ถ้วย
- กระเทียมไทยแกะเปลือก 21 กลีบ
- ข่าแก่หั่นละเอียด 1/2 ถ้วย
- ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วย
- กระชายหั่น 1/2 ถ้วย
- เนื้อปลาอินทรีเค็มย่าง 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 6 ถ้วย
- หัวกะทิ 31/2 ถ้วย
- นำปลา 1/4 ถ้วย+3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
- ขนมจีน 2 กิโลกรัม
- ผักสดมี ถั่วงอกเด็ดหาง แมงลักเด็ดใบ หัวปลีซอย กะหล่ำปลีซอย ถั่วฝักยาวหัน เครื่องเคียงมี พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น ไข่เป็ดต้มสุก
- ใบแมงลัก ใบบางกว่าใบโหระพา ก้านใบสีเขียวอ่อน ดอกสีขาว กลิ่นอ่อน กว่าใบโหระพา นิยมกินเป็นผักแนม กับขนมจีน ใส่ในแกงเลียง กลิ่นหอม ช่วยให้สดชื่น แก้อาการคลื่นไส้วิงเวียน แก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้ท้องร่วง
วิธีทำ
- ขอดเกล็ดปลา ผ่าท้องเอาดีออก เคล้าเกลือ เล็กน้อยจนทั่ว แล้วล้างด้วยน้ำปูนขาว หรือน้ำปูนแดงจนหมดเมือก ล้างอีกครั้ง ทั้ง ตัวปลาทั้งสองด้าน ใส่พักในตะแกรงให้ สะเด็ดน่า
- ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟแรงจนเดือดจัด ใส่ปลา ซ่อนลงต้มจนสุก ตักขึ้นแกะเอาแต่เนื้อ (ไม่ เอาหนัง) ตวงจะได้ประมาณ 2 ถ้วย ใส่ถ้วย พักไว้ เก็บน้ำต้มปลาช่อนไว้
- ใส่น้ำต้มปลาช่อน 4 ถ้วยลงในหม้อ ยก ขึ้นตั้งบนไฟกลางจนเดือด แล้วใส่พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ และกระชาย ต้มจนสุกนุ่ม ปิดไฟ ตักเครื่องที่ต้มขึ้น นำไป ปั่นกับเนื้อปลาช่อนต้ม เนื้อปลาอินทรีเค็ม ย่าง และกะทิ 1 ถ้วย จนละเอียดเข้ากันดี
- เทส่วนผสมที่ปั่นใส่หม้อใบเดิม ยกขึ้นตั้ง บนไฟกลาง ใส่กะทิที่เหลือ คนพอเดือด ลด เป็นไฟอ่อน เคี่ยวจนมีมันสีส้มแดงลอยหน้า เล็กน้อย (ระหว่างเคี่ยวหมั่นคนเพื่อไม่ให้ติด ก้นหม้อ) ใส่หัวกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ คนให้ทั่ว ชิมรสให้เผ็ด เค็ม หวานกะทิ และ มีกลิ่นหอม ปิดไฟ
- จัดขนมจีนใส่ชาม ตักน้ำยาปลาช่อนใส่ เสิร์ฟ กับผักสดและเครื่องเคียง [8-10 คนรับประทาน]
บทความเพิ่มเติม
ข้อมูลอ้างอิง
- ผัก 333 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน, นิดดา หงษ์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์, สุภาพรรณ เยี่ยมชัยภูมิ , สำนักพิมพ์แสงแดด, 2550 หน้า225
- ผักสมุนไพรปลูกกินเองง่ายๆ ภายในบ้าน, นนทชาติ ปราชญ์รักษา, สนพ.วิทยสถาน, 2553, หน้า133-136
- Raw cuisine อาหารพลังสด เพิ่มพลังชีวิต เสริมพลังต้านโรค, นิดดา หงษ์วิวัฒน์, สนพ.แสงแดด จำกัด, หน้า153
สินค้าที่น่าสนใจ
ต้นโรสแมรี่เลื้อย
ต้นหญ้าหวาน|
69฿Original price was: 69฿.59฿Current price is: 59฿.ต้นเปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
ต้นกะเพราแดง
ต้นพริกขี้หนู
ต้นสะระแหน่
ต้นวอเตอร์เครสเขียว
ต้นผักชีฝรั่ง
ต้นจิงจูฉ่าย
ต้นกระชายขาว
ต้นวอเตอร์เครสแดง
เมล็ดพันธุ์กะเพราแดง
เมล็ดพันธุ์โหระพา
เมล็ดผักสลัดบิ๊กเรดโอ๊ค
เมล็ดพันธุ์กะเพราป่า
เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลูกท้อ
เมล็ดพันธุ์คะน้ายอด
เมล็ดพันธุ์แมงลัก เจียไต๋
เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ
เมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่ม
เมล็ดพันธุ์บวบงูสเน็กกี้
เมล็ดพันธุ์ผักกะหล่ำปลี
ไตรซาน ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม
สารชีวภัณฑ์เมทาซาน เมทาไรเซียม แอนิโซเพลีย
ชีวภัณฑ์บูเวริน บูเวเรีย บัสเซียน่า
น้ำส้มควันไม้ ทีพีไอ สูตรพรีเมียมโกลด์ ไร้กลิ่น
ไลซินัส พาซิโลมัยซิส ไลลาซินัส
ไลท์นิ่งค์ บาซิลลัส ทูริงเยนซิส
ลาร์มิน่า บาซิลลัส ซับทิลิส
พีสมอส เอสทีมซุปเปอร์พีท (ตรานกเงือก)
บทความที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️
ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี
การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ
เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกช็อกโกแลตมิ้นต์ กลิ่นเย้ายวนหอมเย็น
ปลูกช็อกโกแลตมิ...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
มาร์จอแรมสมุนไพรรสละมุน
มาร์จอแรมเป็นสม...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ดอกเดซี่ ดอกมากาเร็ต และดอกคัตเตอร์(แอสเตอร์)ต่างกันอย่างไร
ดอกไม้ยอดนิยม ข...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ทำไมผักแพงในฤดูฝน?
ควรเลือกทานและป...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ผักร็อกเก็ตปลูกได้ทุกฤดู
ผักร็อกเก็ตดูเห...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️