ความเป็นมาของโหระพา1
โหระพากับกะพราเป็นกลุ่มสายพันธุ์ของพืชในวงศ์มิ้นท์ ประกอบด้วยสปีชี่ส์ย่อย ประมาณ 35 สปีชี่ส์ แต่ละสปีชี่ส์มีรายละเอียดต่างๆแตกต่างกันไป
โหระพาเป็นพืชที่ปลูกอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นไทย มาเลเซีย และอินโดนิเซีย ต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี
- โหระพา มีชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum อยู่ในวงศ์ Labiatoe
- ชื่อภาษาอังกฤษ Sweet basil
- ชื่ออื่น Common Basil , กะเหรี่ยง- แม่ฮ่องสอน เรียกว่า ห่อกวยซวย ห่อวอซุ ,ฉาน- แม่ฮ่องสอน เรียกว่า อิ่มคิมขาว , จีนแต้จิ๋ว เรียกว่า หล่อเล็ก , จีนกลางเรียกว่า หลัวเล่อ
- ถิ่นกำเนิด ทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้นและก้าน
เป็นสี่เหลี่ยม กิ่งอ่อนเป็นสีเขียวแกมม่วง มีจนอ่อนปกคลุม ทรงพุ่งสูง 5-10 เซนติเมตร
ใบสีเขียว
รูปไข่หรือวงรี ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ปลายแหลมขอบเป็นฟันเลื่อยห่างๆยาวประมาณ 1-3 นิ้ว
ต้นโหระพา
ดอก
ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งลักษณะเป็นชั้นคล้ายฉัตร ดอกสีขาว ม่วง หรือสีชมพูอ่อน
ผล
มี 4 เมล็ด ลักษณะเมล็ดเป็นรูปกลมรียาวประมาณ 2 มม. มีเมล็ดเล็กเท่ากับเมล็ดงามีสีน้ำตาลเข้ม
โหระพาที่ปลูกในไทยมีกี่สายพันธุ์
โหระพาไทย (Thai Basil)
เป็นที่นิยมทานในไทยมาก ใบมีสีเขียว มีกลิ่นหอม โตเร็ว นิยมใส่ในอาหารประเภท ผัด ต้ม แกง
Shop ต้นกล้า Shop เมล็ดพันธุ์การปลูกและการขยายพันธุ์โหระพา
โหระพาพืชผักสวนครัวชนิดนี้ปลูกไม่ยากเลย เป็นพืชล้มลุกมีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี ปลูกครั้งเดียวเก็บทานได้ยาว
มี 3 วิธี
1.การเพาะเมล็ด คัดเลือกเมล็ดโหระพาที่สมบูรณ์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านขายเมล็ดพันธุ์ทั่วไป นำมาปลูกในกระถาง หรือแปลงปลูก โดยการพรวนดินกลบเบาๆจากนั้นรดน้ำทุกวันประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมล็ดโหระพาจะแตกต้นอ่อนออกมา
2.ปลูกโดยใช้ต้นกล้า เป็นวิธีที่นิยมกันมากเพราะได้ผลผลิตสูง และสะดวกรวดเร็วร่นเวลาในการเพาะเมล็ด การซื้อต้นกล้าสำเร็จในถุงดำที่มีอายุประมาณ 1-2 เดือนมาลงในกระถาง หรือแปลงปลูก ควรปลูกตอนเย็นเพราะต้นกล้าจะถูกแสงแดดน้อยและต้นกล้าตั้งตัวได้เร็ว
3.การปักชำด้วยต้นหรือกิ่งแก่ ตัดกิ่งที่แก่โตเต็มที่ ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้ว ปลิดใบออกให้หมด นำไปปักชำในแปลง ใช้ระยะปลูก 20*20 เซนติเมตร เอาฟางแห้งคลุมหน้าดิน รดน้ำให้ชุ่ม จนกระทั่งดินรัดรากดี บำรุงด้วยปุ๋ยทิ้งระยะ 15 วัน หลังจากปลูกได้ 30-35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
อายุการเก็บเกี่ยวโหระพา
เมื่ออายุ 30-35 วันหลังปลูก การเก็บเกี่ยวก็ใช้มีดคมๆตัดต้นหรือกิ่ง ห่างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 ซม. หลังตัดต้นโหระพาก็จะแตกยอดและกิ่งก้านออกมาใหม่ การเก็บเกี่ยวทำได้ทุกๆ 15-20วัน ไปจนถึงอายุ 7-8 เดือน
วิธีการบำรุงต้นโหระพา
โดยการบำรุงโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ , ปุ๋ยคอก , หรือปุ๋ยไส้เดือนใส่ที่โคนต้นเดือนละครั้ง
โรคและศัตรูของต้นโหระพา
ผีเสื้อหนอนห่อใบ (Syngamia abruptalis Walker) เป็นศัตรูสำคัญของต้นโหระพา หนอนชนิดนี้กัดกินใบอ่อนและใบแก่ ยอดอ่อน และช่อดอกของโหระพา ลักษณะการทำลายของหนอนจะขับเส้นใยออกมายึดขอบใบด้านบนทั้งสองข้างให้ติดกัน และอาศัยอยู่ภายในโดยกินคลอโรฟิลล์ที่ผิวใบ บางครั้งหนอนจะกินยอดอ่อนบริเวณส่วนปลายสุดแล้วนำใบที่อยู่บริเวณรอบๆ ยอดอ่อนมาห่อนรวมกันด้วยเส้นใย หนอนกัดกินผิวใบอยู่ภายในใบที่ห่อ
นอกจากหนอนกินใบและยอดอ่อนแล้ว พบว่าหนอนทำลายดอกช่อโดยกันกินดอกย่อยและก้านช่อดอก พร้อมทั้งขับเส้นใยออกมานำดอกช่อมารวมกัน จากการศึกษาพบว่า ใบที่หนอนห่อแต่ละใบ แต่ละยอดอ่อนจะมีหนอนเพียง 1 ตัวเท่านั้น ขณะที่ดอกช่อจะมีจำนวนหนอนหลายตัวหลายช่อดอก
ซึ่งวงจรชีวิตของหนอนที่เป็นศัตรูของโหระพา ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับ กะเพรา แมงลัก และสะระแหน่ ศัตรูและโรคที่พบส่วนใหญ่จะเป็นพวกเดียวกัน ถ้าปลูกรับประทานเองควรใช้สารสกัดชีวภาพชนิดกำจัดหนอน แมลง และโรคต่างๆ จะดีกว่า เช่น ใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซิลัส ทูริงเยนซิส เนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง
โรคราน้ำค้างโหระพา (Downy mildew)2
สาเหตุจาก เชื้อรา Peronospora belbahrii
อาการ มีสีเหลืองด้านบนใบเป็นแถบด้านใต้ใบพบกลุ่มสปอร์สีเท่า เป็นขุยฟู ต่อมาเนื้อยใบส่วนที่เป็นสีเหลืองจะตาย เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ อาการของโรคจะเกิดขึ้นกับใบแก่ที่อยู่ส่วนล่างของทรงพุ่มก่อน
การแพร่ระบาด เชื้ออาศัยอยู่กับเศษซากพืช วัชพืชในแปลกปลูก หรือติดไปกับเมล็ด สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อโรค ได้แก่ สภาพอากาศ มีความชื้นสูง หมอกลงจัด หรือมีฝนพรำ
การจัดการกับโรค
- ปลูกโหระพาให้มีระยะห่างระหว่างต้นและหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มไม่ให้แน่นทึบ เพราะความชื้นในทรงพุ่มสูงจะทำให้เกิดโรคและแพร่ระบาดได้ง่าย
- ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ปราศจากเชื้อ หรือแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 52-55 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-30 นาที
การฉีดป้องกันก่อนและหลังเกิดโรคมี2 วิธี
- ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโครเดอร์มา (Trichoderma asperellum) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส
- ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น ไซมอกซานิล + แมนโคเซบ (cymoxanil + mancozeb) ไดเมโทมอร์ฟ (dimethomorph)
คุณค่าทางอาหาร
โหระพาไทย 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 44 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย3
- โปรตีน 3.3 กรัม
- ไขมัน 1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 5.4 กรัม
- แคลเซียม 165 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2.84 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 9.12 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 0.8 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 22 มิลลิกรัม
- เบต้าแคโรทีน 452.16 ไมโครกัม
- เส้นใย 3.90 กรัม
สาระสำคัญในโหระพา
สาระสำคัญในโหระพาส่วนใหญ่อยู่ในรูปของน้ำมันหอมระเหย ใบโหระพาสดนั้นจะมีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณ 0.1-1.5% ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้
- สารเมทิลชาวิคอล (Methyl Chavicol)
- ยูจีนอล (Eugenol)
- สารกลุ่มเทอร์ปีน ได้แก่ ลินาลูล (Linalool) และซีนิออล (Cineol)
- กรดคาเฟอิก (Caffeic acid)
- กรดโรสมารินิก (Rosmarinic acid)
จากการทดสอบการสกัดน้ำมันหอมระเหยในใบโหระพา มีสารสำคัญที่มีคุณสมบัติดังนี้
มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เมื่อสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบโหระพาด้วยเมทานอล พบว่า กรดไรสมารินิกในใบโหระพาช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ป้องกันความเสียหายจากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ และในงานวิจัยของประเทศตรุกีพบว่า ชาโหระพามีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันในปริมาณสูง
สรรพคุณทางยาของโหระพา
โหระพานอกจากใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิดแล้ว ยังช่วยเพิ่มกลิ่นหอมชวนรับประทาน โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา สามารถใช้ประโยชน์ดังนี้
ต้น
- แก้ปวดหัว หวัด ปวดท้องจากการเป็นโรคกระเพาะอาหาร
- ช่วยขับลม ช่วยใหเจริญอาหาร
- แก้จุกเสียด แน่นท้อง ท้องเสีย
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- พกช้ำ หกล้มหรือกระแทก
- ผดผื่นคัน มีน้ำเหลือง
- การเก็บทั้งต้นมาทำยาเมื่อเริ่มฤดูหนาวขณะเจริญเต็มที่มีดอก ผล ล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนตากแห้งเก็บไว้ใช้
เมล็ด
- ใช้เป็นยาระบาย (ใช้เมล็ด 4-12 กรัม แช่น้ำเย็นจนพอง ผสมน้ำหวาน เติมน้ำแข็งรับประทาน
- ใช้แก้ตาแดง ขี้ตามาก ต้อตา
- เมล็ดมีรสชุ่มเย็น ถูกน้ำจะพองตัวออกมา
- การเก็บเมล็ดมาทำยา โดยการนำต้นไปเคาะ แยกเอาเมล็ดตากแห้งเก็บไว้ใช้ ระวังไม่ให้ถูกน้ำเพราะจะจับเป็นก้อน
ราก
- แก้เด็กเป็นแผล มีหนองเรื้อรัง
- การเก็บรากมาทำยา ใช้รากสดหรือตากแห้งเก็บไว้ใช้
ขนาดและวิธีใช้
-
แก้อาการคลื่นใส้อาเจียน
- โดยการคั้นน้ำจากใบโหระพาสดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอ้อย 2 ช้อนโต๊ะ รับประทานวันละ 2 ครั้ง พร้อมกับน้ำอุ่น
- ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กเกิดอาการปวดท้อง ให้ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนนำมาให้เด็กดื่มจะบรรเทาอาการลงได้
-
แก้อาการฟกช้ำ
- นำต้นสดมาตำแล้วคั้นเอาน้ำทาหรือพอกแผลฟกช้ำจากการกระแทก แผลที่เป็นหนองเรื้อรังจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย แผลกลากเกลื้อน
- รากสด หรือรากแห้งนำมาเผาไฟให้เป็นเถ้า บดให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลเรื้อรัง แผลมีหนอง
-
ยาขับปัสสาวะ และยาระบายอ่อนๆ
- นำเมล็ดแห้ง ใช้เมล็ดแก่แช่น้ำให้พองตัวเต็มที่ รับประทานกับขนมหวานโดยการผสมน้ำหวานหรือน้ำแข็ง รับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ และยาระบายอ่อนๆ
-
เหงือกอักเสบ
- ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็นหนอง โดยการบดโหระพาแห้งให้เป็นผงทาบริเวณที่เป็น
-
อาการนอนไม่หลับ
- นำใบโหระพาสดตามต้องการ ผัดกับน้ำมันหอยรับประทานตอนเย็นก่อนนอน ไม่ต้องกินกับข้าว หรือจะนำไปต้มกับน้ำประมาณ 1 แก้ว ดื่มก่อนนอน จะทำให้อาการนอนไม่หลับค่อยๆหายไป
-
บำรุงเลือด
- ใช้น้ำสับปะรดปั่นกับใบโหระพา มีสรรพคุณช่วยลดลมในตัวแก่อาการเลือดข้น ทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าดีขึ้น ลดความดันโลหิตสูง บำรุงหัวใจ เพิ่มเม็ดเลือดแดง และลดอนุมูลอิสระ
วิธีทำ: นำสับปะรด 1 หัว ปั่นรวมกับใบโหระพา 1 ขีด แล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่มสดๆ
เมนูอาหารจากโหระพา
ไข่เจียวดอกโสนโหระพากุ้ง
เครื่องปรุง
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- กุ้ง 3-5 ฟอง
- ดอนโสน 1/3 ถ้วยตวง
- มันหมูหั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
- โหระพา 8 ใบ
วิธีทำ
- ตอกไข่ไก่ลงถ้วยผสม ใส่ใบโหระพา สับกุ้งหยาบๆ ตามลงไป ใส่เครื่องปรุง ซีอิ๊ว และใส่ดอกโสน ตีไข่ให้ขึ้นฟูให้มีฟองอากาสมากจะช่วยให้ฟู
- ตั้งกระทะหั่นมันหมูชิ้นพอดี ประมาณ หนึ่งข้อนิ้วก้อย หนาครึ่งเซนติเมตร เจียวลงในกระทะไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ซักพัก น้ำมันจะไหลออกมา
- เมื่อมันหมูสุก 70% (เหลืองอ่อนๆ เริ่มกรอบแข็ง) เพิ่มไฟเป็นไฟแรงจัด ใส่น้ำมันเพิ่มลงไปประมาณครึ่งถ้วยตวง เอียงกระทะให้น้ำมันไหลทั่วกระทะ
- พอเห็นว่าน้ำมันเริ่มร้อน มีควันเล็กน้อยให้รีบใส่ไข่ที่ตีไว้ลงไปทอดฟู สุกด้านหนึ่งแล้วกลับอีกด้านทอดต่อจนสุกดี ตักขึ้นเสด็จน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
มะเขือยาวผัดโหระพา
เครื่องปรุง
- มะเขือยาว 3 ลูก
- โหระพาเด็ดใบ ½ ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าเหลืองหั่นเฉียง 5 เม็ด
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- เต้าเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ล้างมะเขือยาวให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นใหญ่บางๆ แล้วแช่น้ำทันที
- ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่พริกชี้ฟ้า ผัดให้หอม ใส่เต้าเจี้ยว มะเขือยาว ผัดให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ใส่ใบโหระพา ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ยกลง ตักใส่จาน
ข้อมูลอ้างอิง
1.ยากันครัว กะเพรา โหระพา แมงลัก สะระแหน่, มนตรี แสนสุข, สำนักพิมพ์แพลนบี , 2553, หน้า 44-63
2.รู้ทันโรคพืช คู่มือดูแลสุขภาพต้นไม้ด้วยตัวเอง, ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ เลิศสุชาตวนิช , สำนักพิมพ์บ้านและสวน, 2563, หน้า 42-43
3.สมุนไพรในครัว…ประโยชน์ใกล้ตัวคุณ, มิ่งขวัญ ลิรุจประภากร , สำนักพิมพ์ไพลิน, 2556 หน้า 51-61
สินค้าที่น่าสนใจ
ต้นโรสแมรี่เลื้อย
ต้นหญ้าหวาน|
69฿Original price was: 69฿.59฿Current price is: 59฿.ต้นเปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
ต้นกะเพราแดง
ต้นพริกขี้หนู
ต้นสะระแหน่
ต้นวอเตอร์เครสเขียว
ต้นผักชีฝรั่ง
ต้นจิงจูฉ่าย
ต้นกระชายขาว
ต้นวอเตอร์เครสแดง
เมล็ดพันธุ์กะเพราแดง
เมล็ดพันธุ์โหระพา
เมล็ดผักสลัดบิ๊กเรดโอ๊ค
เมล็ดพันธุ์กะเพราป่า
เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลูกท้อ
เมล็ดพันธุ์คะน้ายอด
เมล็ดพันธุ์แมงลัก เจียไต๋
เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ
เมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่ม
เมล็ดพันธุ์บวบงูสเน็กกี้
เมล็ดพันธุ์ผักกะหล่ำปลี
ปุ๋ยมูลไส้เดือน100% (vermicompost)
ปุ๋ยน้ำอินทรีย์น้ำทิพย์ชโลมพืช
ช่องาม อีเอ็ม(EM)
ไตรซาน ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม
สารชีวภัณฑ์เมทาซาน เมทาไรเซียม แอนิโซเพลีย
ชีวภัณฑ์บูเวริน บูเวเรีย บัสเซียน่า
น้ำส้มควันไม้ ทีพีไอ สูตรพรีเมียมโกลด์ ไร้กลิ่น
ไลซินัส พาซิโลมัยซิส ไลลาซินัส
บทความที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️
19 ของเหลือในครัว ทำปุ๋ยได้ง่ายแบบโฮมเมด
ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้มงคลทานได้
ดอกบานชื่น มีคว...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ฟักทองพันธุ์ต่างๆและวิธีปลูก
ฟักทองยอดนิยมพั...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี
การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ
เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกช็อกโกแลตมิ้นต์ กลิ่นเย้ายวนหอมเย็น
ปลูกช็อกโกแลตมิ...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
มาร์จอแรมสมุนไพรรสละมุน
มาร์จอแรมเป็นสม...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️