วิธีการปลูกมะเขือเทศให้งาม

วิธีการปลูกมะเขือเทศให้งาม

แหล่งกำเนิดของมะเขือเทศ

  • มะเขือเทศมีชื่อสามัญ Tomato  ชื่อวิทยาศาสตร์ Lycopersicon essulentum Mill. อยู่ในตระกูลไซลานาซิอี้ (Solanaceae) พืชที่อยู่ในตระกูลนี้นอกจากมะเขือเทศแล้วยังมีพืชอีกหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง ยาสูบ พริก มะเขือ เป็นต้น
  • มะเขือเทศมีถิ่นกำเนิดในประเทศแม็กซิโก
  • นอกจากนี้มะเขือเทศชื่ออื่นๆ เช่น ภาคเหนือ มะเขือส้ม, ภาคอีสาน มะเขือเครือ มะเขือน้อย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้นของมะเขือเทศ

ลำต้นของมะเขือเทศ

หลังจากที่ลำต้นงอกโผล่พ้นดินแล้ว ในระยะแรกๆ ของการเจริญเติบโต ลำต้นจะกลม อ่อนเปราะ แต่เมื่อมีการเจริญเติบโตมากขึ้นก็จะแข็งแรงและเป็นเหลี่ยม ส่วนกิ่งก้านสาขาก็จะมีการแตกออกจากลำต้นเรื่อยๆ และอาจมีขนาดเท่ากับลำต้นเดิมได้

ดอกของมะเขือเทศ

ดอก

มีขนาดเล็กสีเหลืองสดใส ประกอบด้วยกลีบดอกชั้นใน 5 กลีบ และกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ลักษณะการเกิดจะเกิดจามข้อของลำต้นเป็นช่อๆ โดยที่ช่อดอกหนึ่งๆ จะมีดอกประมาณ 4-5 ดอก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสิ่งแวดล้อม

ผลของมะเขือเทศ

ผล

รูปร่างขนาดและสีของผลไม่แน่นอน สุดแล้วแต่พันธุ์ รูปร่างของทรงผลมีตั้งแต่ ผลกลมไปจนถึงผลรี สีของผลก็มีตั้งแต่เหลืองจนถึง เหลืองเข้ม ขนาดมีตั้งแต่เล็กจนไปถึงใหญ่

เมล็ดของมะเขือเทศ

เมล็ด

มีลักษณะคล้ายรูปไข่ แบน เปลือกที่หุ้มเมล็ดมีขนละเอียดสั้นๆ สีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนความยาวของเมล็ดมีตั้งแต่ 3-5 มิลลิเมตร และในแต่ละผลนั้นจะมีจำนวนเมล็ดขึ้นอยู่กับขนาดผล

รากของมะเขือเทศ

ราก

เมล็ดที่เริ่มงอกจะปรากฏส่วนของราก เป็นเส้นเล็กๆ สีขาว โผล่ออกมาจากส่วนของเปลือกหุ้มเมล็ด หลังจากนั้นก็หยั่งลึกลงไปในดิน รากของมะเขือเทศเป็นระบบรากแก้ว

มะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้

ถ้าจำแนกตามพฤกษศาสตร์: มะเขือเทศจัดเป็นผลไม้ เพราะมีเมล็ดและผลเติบโตจากดอกของต้นมะเขือเทศ

  1. ผลที่มีเมล็ดซึ่งงอกจากรังไข่ของพืชดอก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผลไม้มีวิธีการแพร่เมล็ดของพืช
  2. ผลไม้ทางพฤษศาสตร์จะมีเมล็ดอย่างน้อยหนึ่งเมล็ดและเติบโตจากดอกของพืช

ดังนั้นมะเขือเทศจึงจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้เพราะมีเมล็ดและเติบโตจากดอกของต้นมะเขือเทศ

👉อ่านเพิ่ม🍅10 สรรพคุณของมะเขือเทศที่ดีต่อร่างกาย

7 รูปทรงต่างๆของมะเขือเทศ

เคยสังเกตไหมว่า มะเขือเทศมีรูปร่างมากมาย ถ้าจะลองแยกดูแล้วมีรูปร่างมากถึง 7 แบบ ดังนี้

  1. แบบกลม (round)
  2. แบบทรงรี (Oval)
  3. แบบทรงกระบอก (cylinder)
  4. แบบลูกแพร์ (pear-shaped)
  5. แบบลูกพลัม (plum-shaped)
  6. แบบลูกฟักทอง (Pumpkin -shaped)
  7. แบบรูปหัวใจ (Heart-shaped)

🎥ดูคลิป 🍅7รูปทรงมะเขือเทศทรงแปลก ผักสีสวยสรรพคุณมาก

ชนิดของมะเขือเทศ

การเลือกปลูกมะเขือเทศให้เหมาะสมกับพื้นที่ๆจะปลูก หากมีพื้นที่จำกัดควรเลือกที่พันธุ์ที่มีขนาดกะทัดรัด

  • เลือกชนิดที่เหมาะกับพื้นที่ๆปลูก มี 2 แบบ คือ แบบทอดยอด กับ ไม่ทอดยอด

1.มะเขือเทศแบบไม่ทอดยอด (Determinate tomato plants) พวกมะเขือเทศผลเล็ก ดูแลง่ายโรคแมลงไม่ค่อยรบกวน เก็บเกี่ยวผลได้เร็ว ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี

บางสายพันธุ์สามารถปลูกได้นอกฤดูกาลแล้วยังให้ผลผลิตได้ตามปกติ  เช่นพันธุ์สีดา เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันไปทั่ว มีลักษณะผลกลม เมื่อผลแก่จะมีสีส้มแดง ถ้าแก่จัดสีจะแดงเข็มยิ่งขึ้น เป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ทนต่ออากาศร้อนหรืออุณหภูมิสูง จึงปลูกในช่วงอากาศแห้งแล้ง เป็นพันธุ์ที่ติดผลดก เป็นต้นทรงพุ่มสูง 70-100 เซนติเมตร การเจริญเติบโตของต้นเป็นพุ่มกว้าง แตกกิ่งสาขามากมาย กิ่งก้านค่อนข้างแข็งแรง จึงปลูกกันแบบไม่ต้องทำค้าง

2. มะเขือเทศแบบกิ่งทอดยอด หรือทอดยอด  (Indeterminate tomato plants) มักเป็นมะเขือเทศที่มีลักษณะผลปานกลาง ถึงใหญ่ และไม่ค่อยทนต่อโรคและแมลง ค่อนข้างจะดูแลยาก เนื่องจากไม่ค่อยทนต่อสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศร้อนๆ นัก และมักมีโรคต่างๆกวนเสมอ

5 ชนิดมะเขือเทศที่นิยมปลูกในไทย

วิธีการปลูกมะเขือเทศให้งาม

เตรียมเมล็ดพันธุ์และการเพาะกล้า

การปลูกมะเขือเทศนิยมปลูกโดยวิธีการเพาะเมล็ดเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการเพาะต้นกล้าไม่นานและสามารถคัดต้นกล้าที่แข็งแรงที่ในปลูกได้

  • เตรียมเมล็ดพันธุ์และการเพาะกล้า การเตรียมเมล็ดพันธุ์สามารถใช้ผลสุกของสายพันธุ์ที่ต้องการด้วยการบี้ผลมะเขือเทศให้แตกเพื่อนำเมล็ดสดมาเพาะในกระบะปลูก หรือแปลงเพาะเมล็ดที่เตรียมไว้ หรือนำเมล็ดพันธุ์ไปหมักใส่ถึง 12-24 ชั่วโมง ก่อนนำไปล้างจะทำให้เนื้อที่หุ้มเมล็ดหลุดออกง่าย จากนั้นนำไปผึ่งลมในร่ม 3-4 วัน แล้วจึงนำไปเพาะในพื้นที่ที่เตรียมไว้ หรือซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการจากท้องตลาด

การเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศมี 3 แบบ

วิธีต่างๆของการเพาะต้นกล้า

1.เพาะในกระบะเพาะ

  • เพาะในกระบะเพาะ นิยมใช้ในกรณีที่ต้องการจำนวนต้นกล้าไม่มากนัก การเพาะกล้าด้วยวิธีใช้ดินน้อย เราสามารถตากดินที่ใล้เพาะก่อนประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อกำจัดเชื้อโรค หรือใช้ดินที่ไม่เคยปลูกพืชมาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีเชื้อโรคในดินก่อนปลูก เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่เกิดขึ้นในระหว่างปลูก
  • กระบะเพาะเมล็ดควรมีขนาด 45×60 ซม. ลึกไม่เกิน 10 ซม. และมีรูระบายน้ำได้ ใส่ดินที่ร่อนแล้ว 3 ส่วน และปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรับผิวหน้าดินให้เรียบ แล้วโรยเมล็ดเป็นแถวประมาณ 5-7 ซม. แล้วกลบเมล็ดด้วยแกลบหรือทรายบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม แล้วใช้สารป้องกันกำจัดแมลงผสมน้ำรดอีก 1 รอบ เพื่อป้องกันมดคาบเมล็ดไปกิน
  • เมื่อเมล็ดเริ่มงอกให้ใช้สารเคมีป้องกันเชื้อรา เช่นแคปแทนหรือเมนเซทดีในอัตรา 4 ช้อนแกง/ น้ำ 1 ปี๊บ

2. แปลงเพาะ นิยมใช้ในกรณีที่ต้องการต้นกล้าจำนวนมาก สำหรับขนาดของแปลงเพาะควรมีขนาดประมาณ กว้าง 1 เมตร x ยาว ตามพื้นที่ๆต้องการปลูก และปริมาณที่ต้องการปลูก ควรเว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 50 เซนติเมตร

  • การผสมดินด้วยปุ๋ยคอกและทรายในอัตราส่วน 1:3
  • การเพาะเมล็ดโดยการโรยเมล็ดเป็นแถวห่างกัน 10 เซนติเมตร
  • เมื่อต้นกล้ามีอายุ 20-25 วันหรือมีใบจริง 2-3 ใบ ก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้ แปลงเพาะควรมีตาข่ายหรือผ้าดิบคลุมเพื่อป้องกัน แดด ลม ฝน ,โดยเปิดผ้าคลุมแปลงให้ได้รับแสงแดดในช่วงเช้าได้จนถึง 3 โมงเช้า และเปิดอีกครั้งเมื่อ 4 โมงเย็น ในกรณีที่หาวัสดุหรือผ้าคลุมแปลงไม่ได้ และไม่ใช่ฤดูผนอาจจะใช้ฟางข้าวใหม่มาคลุมบางๆ หลังจากโรยเมล็ดและกลบ เมื่อเมล็ดงอกจึงค่อยๆดึงเอาฟางออกบ้าง เพื่อให้ต้นกล้าโผล่พันฟางได้ง่าย และต้นกล้าแข็งแรงมากขึ้น

3.ถาดเพาะกล้า เป็นวิธีเพาะกล้าที่สะดวก โดยเตรียมเมล็ดมะเขือเทศลงในถาดเพาะกล้าพลาสติก เมื่อกล้ามีอายุได้ประมาณ 20 วัน จึงเตรียมย้ายปลูกลงแปลง โดยใช้มือบีบด้างล่างสุดของถาดหลุม ต้นกล้าจะหลุดออกจากถาดพร้อมดินปลูก ทำให้ต้นกล้ามะเขือเทศไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก

สภาพอากาศที่เหมาะสม

สภาพต่างๆที่เหมาะสม
  • ฤดูหนาว: เป็นฤดูที่เหมาะสมกับการปลูกมะเขือเทศ อุณหภูมิประมาณ 18-28 องศาเซลเซียส จะทำให้ต้นแข็งแรงและติดผลมาก
  • ฤดูฝน และ ฤดูร้อน เป็นฤดูที่มะเขือเทศมีผลผลิตต่ำ และเกิดโรคได้ง่ายเพราะอากาศร้อน และอากาศชื้น

ปัญหาของมะเขือเทศในฤดูฝน คือ ความชื้นทำให้เกิดโรคได้ง่าย

ข้อปฏิบัติในการปลูกมะเขือเทศฤดูฝน

  1. เลือกปลูกในพื้นที่สูงและระบายน้ำได้ดี
  2. ดินมีสภาพเป็นกลาง ควรเป็นดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี
  3. ใช้พันธุ์ที่เหมาะสมคือผลดกในฤดูฝนและร้อน
  4. มีการดูแลอย่างถูกต้อง เช่นการเตรียมดิน ใส่ปุ๋ย ฉีดพ่นสารป้องกันศัตรูพืชอย่างถูกต้อง และบ่อยครั้งเป็นพิเศษ และต้องป้องกันเชื้อราสูงกว่าปกติ

สภาพดิน

  • ดินที่เหมาะสมกับการปลูกมะเขือเทศคือดินร่วน มีอินทรียวัตถุสูงและสามารถระบายน้ำได้ดี
  • มีค่าความเป็นกรดด่างประมาณ PH 4.5-6.8
  • Tips: การปลูกมะเขือเทศไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิมหรือในพื้นที่ๆปลูกพืชตระกูลเดียวกันกับมะเขือเทศ เช่น พริก หรือ มะเขือ เพราะอาจจะยังหลงเหลือเชื้อโรคต่างๆสะสมอยู่ในดิน เช่น โรคโคนเน่า ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในมะเขือเทศ

💧การให้น้ำ

มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงผลเริ่มแก่ หลังจากนั้นควรลดการให้น้ำผล เพราะอาจทำให้ผลมะเขือเทศแตกได้

  • การรดน้ำมากเกินไปจำทำให้ดินชื้น ซึ่งจะทำให้เกิดเชื้อราเป็นสาเหตุของโรคโคนเน่า
  • แต่หากขาดน้ำและให้น้ำอย่างกะทันหันจะทำให้ผลแตกได้เช่นกัน

การใส่ปุ๋ย

นอกจากการใช้ปุ๋ยคอกลองก้นหลุมเวลาปลูกแล้วยังต้องใส่ปุ๋ยเสริมด้วย เพื่อเพิ่มผลผลิตและเสริมคุณภาพให้สูงขึ้น ขึ้นอยู่กับสภาพของดิน

  •  สภาพดินเหนียว ควรเพิ่มธาตุไนโตรเจน และโพแทสเซียมเท่ากัน และฟอสฟอรัสมีอัตราสูง เช่นสูตร 12-24-12 หรือ 15-30-15
  • ดินร่วน ควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูงขึ้นแต่ไม่ควรสูงกว่าฟอสฟอรัส เช่น 10-20-15
  • ดินทราย เป็นดินที่ไม่ค่อยมีธาตุโพแทสเซียม จึงควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูงกว่าตัวอื่น เช่น สูตร 15-20-20 , 13-13-21 และ 12-12-17

นอกจากนี้แล้วการปลูกมะเขือเทศนอกฤดูกาลจะต้องใช้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เนื่องจากมะเขือเทศจะใช้ธาตุไนโตรเจนมากในช่วงสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง หรืออาจใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่ โดยการแบ่งใส่ 3 ครั้ง ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 : หลังจากย้ายปลูก 7-10 วัน ใส่ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 10 กก./ไร่
  • ครั้งที่ 2 : อายุ 20-25 วัน ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่
  • ครั้งที่ 3 : อายุ 40 -60 วันใส่ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 30 กก./ไร่

การปักค้างให้มะเขือเทศ

สำหรับพันธุ์มะเขือเทศที่ทอดยอด หรือพันธุ์เลื้อยจำเป็นต้องทำการปักค้าง โดยการใช้ไม้หลักปักค้างต้นก่อนระยะออกดอก หรือเมื่อมะเขือเทศอายุประมาณ 20-25 วันหลังย้ายปลูก ด้วยวิธีการใช้เชือกผูกกับลำต้นไขว้กันเป็นเลข 8

ทำไมต้องทำค้างปลูกมะเขือเทศ?

  1. สะดวกต่อการดูแลรักษา
  2. ฉีดยาป้องกันแมลงได้ทั่วถึง
  3. ผลไม่เประเปื้อนพื้นดิน
  4. เก็บเกี่ยวได้ง่าย

การทำการค้าง

การปักค้างมะเขือเทศแบบที่1.1
ลำดับ1

เตรียมไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อน/ต้น เชือกสำหรับมัด

การปักค้างมะเขือเทศแบบที่1.2
ลำดับ2-4

ปักไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อนลงดิน โดยทำมุมเอียง 45 องศา

การปักค้างมะเขือเทศแบบที่1.3
ลำดับ5-6

ใช้ไม้พาดขวางระหว่างค้าง มัดลำต้นมะเขือเทศกับค้างให้ยอดเลื้อยขึ้นไปตามแนวของค้าง

วิธีที่1:

  1. เตรียมไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อน/ต้น เชือกสำหรับมัด เริ่มทำค้างหลังย้ายกล้าลงแปลง 20-25 วัน
  2. ปักไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อนลงดิน โดยทำมุมเอียง 45 องศา
  3. รวบปลายไม้ให้เอนเข้าหากัน
  4. ผูกเชือกมัดปลายไม้เป็นกระโจมให้แน่น
  5. ใช้ไม้พาดขวางระหว่างค้าง ช่วยเพิ่มความแข็งแรง
  6. มัดลำต้นมะเขือเทศกับค้างให้ยอดเลื้อยขึ้นไปตามแนวของค้าง
การปักค้างมะเขือเทศแบบที่2

วิธีที่2: การทำค้างในกระถางต้นไม้แบบง่ายๆ

ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัด สามารถทำค้างในกระถางดังนี้

วัสดุ: 1.ไม้รวกหรือไม้ไผ่แห้ง 3 อัน 2.เชือกไว้มัดไม้รวก

วิธีทำ

  1. นำกระถางที่ปลูกต้นกล้ามะเขือเทศมาปักไม้ทั้ง3 ด้าน
  2. ให้ไม้รวกทำมุมเอียงเสมอกันและมันยอดไม้ทั้ง3 รวมเข้าด้วยกัน
  3. ในกรณีที่วางกระถางบนพื้นดินหรือทราย ให้ปักไม้รวกด้านปลายที่ติดกับพื้นดินปักไปในพื้นดินเพื่อยึดให้แน่นขึ้น
  4. ในกรณีที่วางกระถางปลูกบนพื้นปูน ให้นำเชือกมัดไม้รวกพันรอบปากกระถางดังรูป เพื่อให้ไม้รวกทั้ง3 ยึดติดกัน

การเก็บเกี่ยว

การเก็บเกี่ยว 70-90 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

🥦ผักคู่หูและผักคู่อริของมะเขือ

👉คลิกดู VDO

ผักคู่หูของมะเขือเทศ

โหระพา ถั่วลิสง กุยช่าย

ผักคู่อริของมะเขือเทศ

ผักชีฝรั่ง มันฝรั่ง โรสแมรี่ และพืชตระกูลเดียวกับมะเขือเทศ เช่น มะเขือพันธุ์ต่างๆ  และ พริก เพราะจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย

Anndagarden ฝากกด like เพจด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆจากเรา

สินค้าที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ

บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️

ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี

การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ

เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ปลูกช็อกโกแลตมิ้นต์ กลิ่นเย้ายวนหอมเย็น

ปลูกช็อกโกแลตมิ...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

มาร์จอแรมสมุนไพรรสละมุน

มาร์จอแรมเป็นสม...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ทำไมผักแพงในฤดูฝน?

ควรเลือกทานและป...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ผักร็อกเก็ตปลูกได้ทุกฤดู

ผักร็อกเก็ตดูเห...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️