แหล่งกำเนิดของมะเขือเทศ
- มะเขือเทศมีชื่อสามัญ Tomato ชื่อวิทยาศาสตร์ Lycopersicon essulentum Mill. อยู่ในตระกูลไซลานาซิอี้ (Solanaceae) พืชที่อยู่ในตระกูลนี้นอกจากมะเขือเทศแล้วยังมีพืชอีกหลายชนิด เช่น มันฝรั่ง ยาสูบ พริก มะเขือ เป็นต้น
- มะเขือเทศมีถิ่นกำเนิดในประเทศแม็กซิโก
- นอกจากนี้มะเขือเทศชื่ออื่นๆ เช่น ภาคเหนือ มะเขือส้ม, ภาคอีสาน มะเขือเครือ มะเขือน้อย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้นของมะเขือเทศ
หลังจากที่ลำต้นงอกโผล่พ้นดินแล้ว ในระยะแรกๆ ของการเจริญเติบโต ลำต้นจะกลม อ่อนเปราะ แต่เมื่อมีการเจริญเติบโตมากขึ้นก็จะแข็งแรงและเป็นเหลี่ยม ส่วนกิ่งก้านสาขาก็จะมีการแตกออกจากลำต้นเรื่อยๆ และอาจมีขนาดเท่ากับลำต้นเดิมได้
ดอก
มีขนาดเล็กสีเหลืองสดใส ประกอบด้วยกลีบดอกชั้นใน 5 กลีบ และกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ลักษณะการเกิดจะเกิดจามข้อของลำต้นเป็นช่อๆ โดยที่ช่อดอกหนึ่งๆ จะมีดอกประมาณ 4-5 ดอก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสิ่งแวดล้อม
ผล
รูปร่างขนาดและสีของผลไม่แน่นอน สุดแล้วแต่พันธุ์ รูปร่างของทรงผลมีตั้งแต่ ผลกลมไปจนถึงผลรี สีของผลก็มีตั้งแต่เหลืองจนถึง เหลืองเข้ม ขนาดมีตั้งแต่เล็กจนไปถึงใหญ่
เมล็ด
มีลักษณะคล้ายรูปไข่ แบน เปลือกที่หุ้มเมล็ดมีขนละเอียดสั้นๆ สีน้ำตาลอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนความยาวของเมล็ดมีตั้งแต่ 3-5 มิลลิเมตร และในแต่ละผลนั้นจะมีจำนวนเมล็ดขึ้นอยู่กับขนาดผล
ราก
เมล็ดที่เริ่มงอกจะปรากฏส่วนของราก เป็นเส้นเล็กๆ สีขาว โผล่ออกมาจากส่วนของเปลือกหุ้มเมล็ด หลังจากนั้นก็หยั่งลึกลงไปในดิน รากของมะเขือเทศเป็นระบบรากแก้ว
มะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้
ถ้าจำแนกตามพฤกษศาสตร์: มะเขือเทศจัดเป็นผลไม้ เพราะมีเมล็ดและผลเติบโตจากดอกของต้นมะเขือเทศ
- ผลที่มีเมล็ดซึ่งงอกจากรังไข่ของพืชดอก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผลไม้มีวิธีการแพร่เมล็ดของพืช
- ผลไม้ทางพฤษศาสตร์จะมีเมล็ดอย่างน้อยหนึ่งเมล็ดและเติบโตจากดอกของพืช
ดังนั้นมะเขือเทศจึงจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้เพราะมีเมล็ดและเติบโตจากดอกของต้นมะเขือเทศ
👉อ่านเพิ่ม🍅10 สรรพคุณของมะเขือเทศที่ดีต่อร่างกาย
7 รูปทรงต่างๆของมะเขือเทศ
เคยสังเกตไหมว่า มะเขือเทศมีรูปร่างมากมาย ถ้าจะลองแยกดูแล้วมีรูปร่างมากถึง 7 แบบ ดังนี้
- แบบกลม (round)
- แบบทรงรี (Oval)
- แบบทรงกระบอก (cylinder)
- แบบลูกแพร์ (pear-shaped)
- แบบลูกพลัม (plum-shaped)
- แบบลูกฟักทอง (Pumpkin -shaped)
- แบบรูปหัวใจ (Heart-shaped)
ชนิดของมะเขือเทศ
การเลือกปลูกมะเขือเทศให้เหมาะสมกับพื้นที่ๆจะปลูก หากมีพื้นที่จำกัดควรเลือกที่พันธุ์ที่มีขนาดกะทัดรัด
- เลือกชนิดที่เหมาะกับพื้นที่ๆปลูก มี 2 แบบ คือ แบบทอดยอด กับ ไม่ทอดยอด
1.มะเขือเทศแบบไม่ทอดยอด (Determinate tomato plants) พวกมะเขือเทศผลเล็ก ดูแลง่ายโรคแมลงไม่ค่อยรบกวน เก็บเกี่ยวผลได้เร็ว ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
บางสายพันธุ์สามารถปลูกได้นอกฤดูกาลแล้วยังให้ผลผลิตได้ตามปกติ เช่นพันธุ์สีดา เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันไปทั่ว มีลักษณะผลกลม เมื่อผลแก่จะมีสีส้มแดง ถ้าแก่จัดสีจะแดงเข็มยิ่งขึ้น เป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ทนต่ออากาศร้อนหรืออุณหภูมิสูง จึงปลูกในช่วงอากาศแห้งแล้ง เป็นพันธุ์ที่ติดผลดก เป็นต้นทรงพุ่มสูง 70-100 เซนติเมตร การเจริญเติบโตของต้นเป็นพุ่มกว้าง แตกกิ่งสาขามากมาย กิ่งก้านค่อนข้างแข็งแรง จึงปลูกกันแบบไม่ต้องทำค้าง
2. มะเขือเทศแบบกิ่งทอดยอด หรือทอดยอด (Indeterminate tomato plants) มักเป็นมะเขือเทศที่มีลักษณะผลปานกลาง ถึงใหญ่ และไม่ค่อยทนต่อโรคและแมลง ค่อนข้างจะดูแลยาก เนื่องจากไม่ค่อยทนต่อสภาพแวดล้อมหรือสภาพอากาศร้อนๆ นัก และมักมีโรคต่างๆกวนเสมอ
5 ชนิดมะเขือเทศที่นิยมปลูกในไทย
1. มะเขือเชอรี่ Cherry tomato
- ลักษณะผลค่อนข้างกลม เป็นที่ชื่นชอบของคนรักมะเขือเทศทุกที่ ด้วยพันธุ์สีแดง ส้ม เหลือง และม่วง มะเขือเทศเหล่านี้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหาร เพิ่มสีสันและรสชาติให้กับมื้ออาหาร มะเขือเทศเชอรี่ที่มีรสหวานและรสเปรี้ยวสามารถนำมาประกอบอาหาร ย่าง ซอส และตากแห้งได้ และ แม้แต่รับประทานผลสดก็ได้
- รสชาติหวานและเปรี้ยว
- นิยมนำมาประกอบอาหาร ทานผลสด, ตากแห้งได้, นำไปปิ้งทาน, หรือทำสลัด
2.มะเขือเทศองุ่น Grape tomato
- มีรูปร่างค่อนข้างรียาว เหมือนผลองุ่น เช่น มะเขือเทศสีดา
- มะเขือเทศองุ่นเป็น มะเขือเทศขนาดพอดีคำมีรูปร่างรียาว เหมือนองุ่น และผลโดยทั่วไปจะเนื้อแน่นกว่ามะเขือเทศเชอรี่และมีเนื้อสัมผัสมากกว่า สำหรับรสชาตินั้น มะเขือเทศองุ่นส่วนใหญ่มีรสชาติของมะเขือเทศที่เข้มข้นซึ่งมีความสมดุลระหว่างความหวานกับกรด
- นิยมนำมาทำ สลัด และ ทานสด
3. มะเขือเทศลูกท้อ (Plum tomato) เช่นมะเขือเทศซีซัน และ มะเขือเทศลูกท้อ
- บางทีเรียกว่ามะเขือเทศโรมา เป็นมะเขือเทศประเภทหนึ่งที่ควรปลูกหากคุณต้องการทำซอสและซอสมะเขือเทศ มะเขือเทศพลัมส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีปลายทู่หรือแหลม พวกมันมีปริมาณน้ำน้อยกว่าสเต็กเนื้อหรือมะเขือเทศเชอรี่ ผนังหนากว่า และเนื้อสัมผัสแบบเนื้อ
- นิยมทำอาหาร ทำซอสมะเขือเทศ, ทำซุปมะเขือเทศ, สลัด, พาสต้า
4. มะเขือเทศเถาว์(Tomato on the vine) เช่น sweet princess
- บางครั้งเรียกว่า compari tomato หมายถึงมะเขือเทศสดชนิด โดยทั่วไปจะอยู่รวมกันเป็นกระจุกโดยมีเถาติด
- ลูกผสมเหล่านี้มีสีแดงเข้ม ความเป็นกรดต่ำ รสหวานจัด และเนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ
- นิยมนำมาทำอาหาร เช่น เอาไปอบย่างเกลือ, เผา , ทำซุป , ทำแซนวิส
5. มะเขือเทศบีฟสเต็ก(Beef steak tomato)
- ในเมืองไทยที่เห็นปลูกคือ มะเขือเทศฟักทอง (pumpkin shaped tomato) คือมีรูปร่างเหมือนฟักทองขนาดเล็ก
- มีรสหวาน, เนื้อหนา, ฉ่ำน้ำ
- นิยมทำอาหารได้หลายแบบ เช่นใส่ใน แซนวิช , ทำสลัด
วิธีการปลูกมะเขือเทศให้งาม
เตรียมเมล็ดพันธุ์และการเพาะกล้า
การปลูกมะเขือเทศนิยมปลูกโดยวิธีการเพาะเมล็ดเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการเพาะต้นกล้าไม่นานและสามารถคัดต้นกล้าที่แข็งแรงที่ในปลูกได้
- เตรียมเมล็ดพันธุ์และการเพาะกล้า การเตรียมเมล็ดพันธุ์สามารถใช้ผลสุกของสายพันธุ์ที่ต้องการด้วยการบี้ผลมะเขือเทศให้แตกเพื่อนำเมล็ดสดมาเพาะในกระบะปลูก หรือแปลงเพาะเมล็ดที่เตรียมไว้ หรือนำเมล็ดพันธุ์ไปหมักใส่ถึง 12-24 ชั่วโมง ก่อนนำไปล้างจะทำให้เนื้อที่หุ้มเมล็ดหลุดออกง่าย จากนั้นนำไปผึ่งลมในร่ม 3-4 วัน แล้วจึงนำไปเพาะในพื้นที่ที่เตรียมไว้ หรือซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการจากท้องตลาด
การเพาะเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศมี 3 แบบ
1.เพาะในกระบะเพาะ
- เพาะในกระบะเพาะ นิยมใช้ในกรณีที่ต้องการจำนวนต้นกล้าไม่มากนัก การเพาะกล้าด้วยวิธีใช้ดินน้อย เราสามารถตากดินที่ใล้เพาะก่อนประมาณ 3-4 สัปดาห์ เพื่อกำจัดเชื้อโรค หรือใช้ดินที่ไม่เคยปลูกพืชมาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีเชื้อโรคในดินก่อนปลูก เพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่เกิดขึ้นในระหว่างปลูก
- กระบะเพาะเมล็ดควรมีขนาด 45×60 ซม. ลึกไม่เกิน 10 ซม. และมีรูระบายน้ำได้ ใส่ดินที่ร่อนแล้ว 3 ส่วน และปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรับผิวหน้าดินให้เรียบ แล้วโรยเมล็ดเป็นแถวประมาณ 5-7 ซม. แล้วกลบเมล็ดด้วยแกลบหรือทรายบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม แล้วใช้สารป้องกันกำจัดแมลงผสมน้ำรดอีก 1 รอบ เพื่อป้องกันมดคาบเมล็ดไปกิน
- เมื่อเมล็ดเริ่มงอกให้ใช้สารเคมีป้องกันเชื้อรา เช่นแคปแทนหรือเมนเซทดีในอัตรา 4 ช้อนแกง/ น้ำ 1 ปี๊บ
2. แปลงเพาะ นิยมใช้ในกรณีที่ต้องการต้นกล้าจำนวนมาก สำหรับขนาดของแปลงเพาะควรมีขนาดประมาณ กว้าง 1 เมตร x ยาว ตามพื้นที่ๆต้องการปลูก และปริมาณที่ต้องการปลูก ควรเว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 50 เซนติเมตร
- การผสมดินด้วยปุ๋ยคอกและทรายในอัตราส่วน 1:3
- การเพาะเมล็ดโดยการโรยเมล็ดเป็นแถวห่างกัน 10 เซนติเมตร
- เมื่อต้นกล้ามีอายุ 20-25 วันหรือมีใบจริง 2-3 ใบ ก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้ แปลงเพาะควรมีตาข่ายหรือผ้าดิบคลุมเพื่อป้องกัน แดด ลม ฝน ,โดยเปิดผ้าคลุมแปลงให้ได้รับแสงแดดในช่วงเช้าได้จนถึง 3 โมงเช้า และเปิดอีกครั้งเมื่อ 4 โมงเย็น ในกรณีที่หาวัสดุหรือผ้าคลุมแปลงไม่ได้ และไม่ใช่ฤดูผนอาจจะใช้ฟางข้าวใหม่มาคลุมบางๆ หลังจากโรยเมล็ดและกลบ เมื่อเมล็ดงอกจึงค่อยๆดึงเอาฟางออกบ้าง เพื่อให้ต้นกล้าโผล่พันฟางได้ง่าย และต้นกล้าแข็งแรงมากขึ้น
3.ถาดเพาะกล้า เป็นวิธีเพาะกล้าที่สะดวก โดยเตรียมเมล็ดมะเขือเทศลงในถาดเพาะกล้าพลาสติก เมื่อกล้ามีอายุได้ประมาณ 20 วัน จึงเตรียมย้ายปลูกลงแปลง โดยใช้มือบีบด้างล่างสุดของถาดหลุม ต้นกล้าจะหลุดออกจากถาดพร้อมดินปลูก ทำให้ต้นกล้ามะเขือเทศไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก
สภาพอากาศที่เหมาะสม
- ฤดูหนาว: เป็นฤดูที่เหมาะสมกับการปลูกมะเขือเทศ อุณหภูมิประมาณ 18-28 องศาเซลเซียส จะทำให้ต้นแข็งแรงและติดผลมาก
- ฤดูฝน และ ฤดูร้อน เป็นฤดูที่มะเขือเทศมีผลผลิตต่ำ และเกิดโรคได้ง่ายเพราะอากาศร้อน และอากาศชื้น
ปัญหาของมะเขือเทศในฤดูฝน คือ ความชื้นทำให้เกิดโรคได้ง่าย
ข้อปฏิบัติในการปลูกมะเขือเทศฤดูฝน
- เลือกปลูกในพื้นที่สูงและระบายน้ำได้ดี
- ดินมีสภาพเป็นกลาง ควรเป็นดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี
- ใช้พันธุ์ที่เหมาะสมคือผลดกในฤดูฝนและร้อน
- มีการดูแลอย่างถูกต้อง เช่นการเตรียมดิน ใส่ปุ๋ย ฉีดพ่นสารป้องกันศัตรูพืชอย่างถูกต้อง และบ่อยครั้งเป็นพิเศษ และต้องป้องกันเชื้อราสูงกว่าปกติ
สภาพดิน
- ดินที่เหมาะสมกับการปลูกมะเขือเทศคือดินร่วน มีอินทรียวัตถุสูงและสามารถระบายน้ำได้ดี
- มีค่าความเป็นกรดด่างประมาณ PH 4.5-6.8
- Tips: การปลูกมะเขือเทศไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิมหรือในพื้นที่ๆปลูกพืชตระกูลเดียวกันกับมะเขือเทศ เช่น พริก หรือ มะเขือ เพราะอาจจะยังหลงเหลือเชื้อโรคต่างๆสะสมอยู่ในดิน เช่น โรคโคนเน่า ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในมะเขือเทศ
💧การให้น้ำ
มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงผลเริ่มแก่ หลังจากนั้นควรลดการให้น้ำผล เพราะอาจทำให้ผลมะเขือเทศแตกได้
- การรดน้ำมากเกินไปจำทำให้ดินชื้น ซึ่งจะทำให้เกิดเชื้อราเป็นสาเหตุของโรคโคนเน่า
- แต่หากขาดน้ำและให้น้ำอย่างกะทันหันจะทำให้ผลแตกได้เช่นกัน
การใส่ปุ๋ย
นอกจากการใช้ปุ๋ยคอกลองก้นหลุมเวลาปลูกแล้วยังต้องใส่ปุ๋ยเสริมด้วย เพื่อเพิ่มผลผลิตและเสริมคุณภาพให้สูงขึ้น ขึ้นอยู่กับสภาพของดิน
- สภาพดินเหนียว ควรเพิ่มธาตุไนโตรเจน และโพแทสเซียมเท่ากัน และฟอสฟอรัสมีอัตราสูง เช่นสูตร 12-24-12 หรือ 15-30-15
- ดินร่วน ควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูงขึ้นแต่ไม่ควรสูงกว่าฟอสฟอรัส เช่น 10-20-15
- ดินทราย เป็นดินที่ไม่ค่อยมีธาตุโพแทสเซียม จึงควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูงกว่าตัวอื่น เช่น สูตร 15-20-20 , 13-13-21 และ 12-12-17
นอกจากนี้แล้วการปลูกมะเขือเทศนอกฤดูกาลจะต้องใช้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เนื่องจากมะเขือเทศจะใช้ธาตุไนโตรเจนมากในช่วงสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง หรืออาจใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่ โดยการแบ่งใส่ 3 ครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 : หลังจากย้ายปลูก 7-10 วัน ใส่ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 10 กก./ไร่
- ครั้งที่ 2 : อายุ 20-25 วัน ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่
- ครั้งที่ 3 : อายุ 40 -60 วันใส่ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 30 กก./ไร่
การปักค้างให้มะเขือเทศ
สำหรับพันธุ์มะเขือเทศที่ทอดยอด หรือพันธุ์เลื้อยจำเป็นต้องทำการปักค้าง โดยการใช้ไม้หลักปักค้างต้นก่อนระยะออกดอก หรือเมื่อมะเขือเทศอายุประมาณ 20-25 วันหลังย้ายปลูก ด้วยวิธีการใช้เชือกผูกกับลำต้นไขว้กันเป็นเลข 8
ทำไมต้องทำค้างปลูกมะเขือเทศ?
- สะดวกต่อการดูแลรักษา
- ฉีดยาป้องกันแมลงได้ทั่วถึง
- ผลไม่เประเปื้อนพื้นดิน
- เก็บเกี่ยวได้ง่าย
การทำการค้าง
ลำดับ1
เตรียมไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อน/ต้น เชือกสำหรับมัด
ลำดับ2-4
ปักไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อนลงดิน โดยทำมุมเอียง 45 องศา
ลำดับ5-6
ใช้ไม้พาดขวางระหว่างค้าง มัดลำต้นมะเขือเทศกับค้างให้ยอดเลื้อยขึ้นไปตามแนวของค้าง
วิธีที่1:
- เตรียมไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อน/ต้น เชือกสำหรับมัด เริ่มทำค้างหลังย้ายกล้าลงแปลง 20-25 วัน
- ปักไม้ไผ่หรือไม้รวก 3 ท่อนลงดิน โดยทำมุมเอียง 45 องศา
- รวบปลายไม้ให้เอนเข้าหากัน
- ผูกเชือกมัดปลายไม้เป็นกระโจมให้แน่น
- ใช้ไม้พาดขวางระหว่างค้าง ช่วยเพิ่มความแข็งแรง
- มัดลำต้นมะเขือเทศกับค้างให้ยอดเลื้อยขึ้นไปตามแนวของค้าง
วิธีที่2: การทำค้างในกระถางต้นไม้แบบง่ายๆ
ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัด สามารถทำค้างในกระถางดังนี้
วัสดุ: 1.ไม้รวกหรือไม้ไผ่แห้ง 3 อัน 2.เชือกไว้มัดไม้รวก
วิธีทำ
- นำกระถางที่ปลูกต้นกล้ามะเขือเทศมาปักไม้ทั้ง3 ด้าน
- ให้ไม้รวกทำมุมเอียงเสมอกันและมันยอดไม้ทั้ง3 รวมเข้าด้วยกัน
- ในกรณีที่วางกระถางบนพื้นดินหรือทราย ให้ปักไม้รวกด้านปลายที่ติดกับพื้นดินปักไปในพื้นดินเพื่อยึดให้แน่นขึ้น
- ในกรณีที่วางกระถางปลูกบนพื้นปูน ให้นำเชือกมัดไม้รวกพันรอบปากกระถางดังรูป เพื่อให้ไม้รวกทั้ง3 ยึดติดกัน
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยว 70-90 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
🥦ผักคู่หูและผักคู่อริของมะเขือ
👉คลิกดู VDOผักคู่หูของมะเขือเทศ
โหระพา ถั่วลิสง กุยช่าย
ผักคู่อริของมะเขือเทศ
ผักชีฝรั่ง มันฝรั่ง โรสแมรี่ และพืชตระกูลเดียวกับมะเขือเทศ เช่น มะเขือพันธุ์ต่างๆ และ พริก เพราะจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย
สินค้าที่น่าสนใจ
ต้นโรสแมรี่เลื้อย
ต้นหญ้าหวาน|
69฿Original price was: 69฿.59฿Current price is: 59฿.ต้นเปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
ต้นกะเพราแดง
ต้นพริกขี้หนู
ต้นสะระแหน่
ต้นวอเตอร์เครสเขียว
ต้นผักชีฝรั่ง
ต้นจิงจูฉ่าย
ต้นกระชายขาว
ต้นวอเตอร์เครสแดง
เมล็ดพันธุ์กะเพราแดง
เมล็ดพันธุ์โหระพา
เมล็ดผักสลัดบิ๊กเรดโอ๊ค
เมล็ดพันธุ์กะเพราป่า
เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลูกท้อ
เมล็ดพันธุ์คะน้ายอด
เมล็ดพันธุ์แมงลัก เจียไต๋
เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ
เมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่ม
เมล็ดพันธุ์บวบงูสเน็กกี้
เมล็ดพันธุ์ผักกะหล่ำปลี
ไตรซาน ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม
สารชีวภัณฑ์เมทาซาน เมทาไรเซียม แอนิโซเพลีย
ชีวภัณฑ์บูเวริน บูเวเรีย บัสเซียน่า
น้ำส้มควันไม้ ทีพีไอ สูตรพรีเมียมโกลด์ ไร้กลิ่น
ไลซินัส พาซิโลมัยซิส ไลลาซินัส
ไลท์นิ่งค์ บาซิลลัส ทูริงเยนซิส
ลาร์มิน่า บาซิลลัส ซับทิลิส
พีสมอส เอสทีมซุปเปอร์พีท (ตรานกเงือก)
บทความที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️
ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี
การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ
เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกช็อกโกแลตมิ้นต์ กลิ่นเย้ายวนหอมเย็น
ปลูกช็อกโกแลตมิ...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
มาร์จอแรมสมุนไพรรสละมุน
มาร์จอแรมเป็นสม...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ดอกเดซี่ ดอกมากาเร็ต และดอกคัตเตอร์(แอสเตอร์)ต่างกันอย่างไร
ดอกไม้ยอดนิยม ข...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ทำไมผักแพงในฤดูฝน?
ควรเลือกทานและป...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ผักร็อกเก็ตปลูกได้ทุกฤดู
ผักร็อกเก็ตดูเห...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️