ปลูกแตงกวาแบบมืออาชีพ

ปลูกแตงกวาแบบมืออาชีพ

ถิ่นกำเนิดของแตงกวา

  • ชื่อสามัญ: Cucumber
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucumis sativus Linn.
  • ชื่ออื่น : ภาคเหนือเรียกว่า แดงขี้ไก่ แต่งขี้ควาย แต่งช้าง ,เชียงใหม่เรียกว่า แต่งปี แดงยาง แตงเห็น แตงยิ้ม ตาเสาะ
  • ถิ่นกำเนิด ประเทศอินเดีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

แตงกวาเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับฟักทอง  บวบ มะระ น้ำเต้า และแตงโม

ลำต้นของแตงกวา

ลำต้น

เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อยที่มีมือเกาะช่วย พยุงลำต้น ลำต้นเป็นเหลี่ยมและมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไป ลำต้นยาวประมาณก 2-3 เมตร มีระบบรากเป็นรากแก้ว

ใบ

ใบเป็นใบเดี่ยว ปลายใบแหลม

ดอก

ดอกตัวผู้จะเกิดเป็นกลุ่ม 3-5 ดอก ดอกตัวเมียมักจะเกิดเดี่ยวๆ ดอกมีสีเหลือง ดอกตัวเมียจะสังเกตได้ง่ายคือ มีลักษณะคล้ายแดงกวาผลเล็กๆ ติดกับกลีบดอก ส่วนดอกตัวผู้จะมีเฉพาะก้าน ดอกเท่านั้น

ผล

ผลมีลักษณะกลมยาวทรงกระบอก ความยาวผลอยู่ระหว่าง 5-40 เซนติเมตร ผลมีสีขาว เขียวอ่อน เขียว และเขียวเข้ม-ดำ

พันธุ์ของแตงกวามีอะไรบ้าง

-13%
Price range: 15฿ through 130฿
-8%
Price range: 25฿ through 230฿
-8%
Price range: 25฿ through 230฿
  •  ผลยาวเรียว ผิวเรียบหรือมีปุ่มเล็กๆ เนื้อแน่น กรอบ และมีเมล็ดน้อยมาก
  • นิยมทานสด หรือนำไปทำซูชิ สลัดแตงกวาญี่ปุ่น (Sunomono)
-13%

แบ่งสายพันธุ์ตามขนาดของความยาวของแตงกวา

แบ่งตามความยาวของแตงกวา น้อยกว่าหรือเท่ากับ 13 เป็นแตงกวาผลสั้น , มากกว่า 13 เป็นแตงกวาผลยาว

แตงกวาผลยาว

ยาวมากกว่า 13 ซม.

ยาว 20-21 ซม.

ยาว 24 ซม.

วิธีปลูกและดูแลต้นแตงกวา1

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูก

  • ดินที่เหมาะแก่การปลูก: แตงกวาสามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทราย มีค่า pH ประมาณ 5-6.5 และดิน ความชื้นพอเหมาะ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังแฉะ เพราะหากน้ำขังแฉะจะทำ ให้เกิดโรคทางใบได้ง่าย เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากแต่ขาดน้ำไม่ได้
  • แตงกวาเป็นพืชที่ต้องการอากาศอบอุ่นแต่ไม่ถึงกับร้อนจัด อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส ดังนั้นการ ปลูกแตงกวาให้ได้ผลดีควรเลือกปลูกในขณะที่อากาศยังอบอุ่นอยู่ ถ้าอากาศร้อนเกินไปแตงกวาจะมีแต่ดอกตัวผู้ ทำให้ได้ผลผลิตน้อย
  • อย่างไรก็ตามสภาพอุณหภูมิในประเทศไทยสามารถปลูกแตงกวาได้ตลอดปี แต่ผลผลิตที่ได้จะแตกต่างกัน
  • แตงกวาเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง จึงควรขุดหรือไถดินให้ลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร
  • ตากดินไว้ประมาณ 7-10 วัน จากนั้นจึงไถพรวนดินเก็บวัชพืชออก
  • แล้วเตรียมแปลงปลูกกว้าง 1-12 เมตร โดยมีความยาวตามลักษณะของพื้นที่ มีร่องระบายน้ำอย่าให้น้ำท่วมขัง
  • เตรียมหลุมปลูกโดยกำหนดระยะระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร
  • ระยะระหว่าง ต้น 50-60 เซนติเมตร
  • สำหรับการใส่ปุ๋ยเคมีรองกันหลุมนั้นอาจใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 30-50 กิโลกรัม/ไร่
  • ส่วนปุ๋ยคอกใส่อย่างน้อยหลุมละ 0.5 กิโลกรัม คลุกเคล้าปุ๋ยให้เข้ากับดิน

วิธีการปลูกแตงกวา

แตงกวาสามารถปลูกได้ตลอดปี แต่ช่วงที่ปลูกได้ดีที่สุด คือ ช่วงปลายฤดูฝน ฤดูหนาว

  • สำหรับวิธีการปลูกแบ่งออกเป็น 2 แบบดังนี้
  • ขุดหลุมให้ลึกประมาณ 2.5 เซนติเมตร ใช้ระยะระหว่างแถว 1 เมตร ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร
  • หยอดเมล็ดลงปลูกโดยตรงหลุมละ 3-5 เมล็ด
  • กลบด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักหรือดินผสม ละเอียดจนเต็มหลุม
  • แล้วรดน้ำให้ชุ่ม และคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งเพื่อช่วย เก็บรักษาความชื้น
  • ใช้ระยะระหว่างแถว 1 เมตร และ ระยะระหว่าง ต้น 50 เซนติเมตร
  • สำหรับวิธีการปลูกทำเช่นเดียวกันกับการปลูกโดยไม่ใช้ค้าง
  • การปลูกวิธีนี้จะใช้ค้างช่วยพยุงลำต้นทำให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น แต่จะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นิยมใช้กับแตงกวาผลยาว เพราะถ้าไม่ใช้ค้างแล้วผลจะงอไม่สวยและ ผลจะเน่าได้ง่าย เนื่องจากผลแตง สัมผัสกับดิน

ซุ้มเลื้อยแตงกวา

  • เมื่อต้นกล้างอกจนมีใบจริง 2-3 ใบควรถอนแยกเอาต้น ที่อ่อนแอหรือไม่สมบูรณ์ออกไป โดยให้เหลือหลุมละ 2 ต้น
  • หลังจากปลูกประมาณ 14 วันแตงกวาจะเริ่มเลื้อย ถ้าปลูกแบบใช้ค้างควรทำค้างเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้ต้นเลื้อยพันขึ้น โดยใช้ ไม้ค้างยาวประมาณ 2 เมตร ปักหลุมละ 2 อัน ปักให้เอียงเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม รวบปลายไม้เข้าหากันผูกเชือกไว้ให้แน่นทำแบบกระโจม แล้วผูกไม้หรือเชือกขวางอีก 2-3 อัน
Shop ซุ้มไม้เลื้อย

การดูแลแตงกวา

  • ลังจากหยอดเมล็ดลงหลุมแล้วต้องรดน้ำให้ชุ่ม และในระยะแรกที่แตงกวาเริ่มงอกต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ
  • จนกระทั่งแตงกวาเริ่มออกดอกจึงลดการให้น้ำลงเหลือ 2-3 วัน/ครั้ง แต่ พิจารณาสภาพของดินประกอบด้วย และไม่ควรปล่อยให้แตงกวาขาดน้ำในระยะออกดอกเพราะทำให้ดอกร่วง การให้น้ำที่เหมาะสมจะทำให้ได้ผลผลิตสูง ผลแตงกวาสมบูรณ์มีคุณภาพดีและมีขนาดพอเหมาะตามความต้องการ

ทำไมแตงกวาถึงมีรสขม?

เพราะแตงกวาขาดน้ำจึงทำให้ผลมีรสขม การให้น้ำแตงกวาไม่ควรให้วิธีพ่นฝอยเพราะจะทำให้เกิดโรคทางใบได้ง่าย ควรให้น้ำแบบปล่อยไปตามร่องหรือปล่อยให้ไหลท่วมแปลงจนดินชุ่ม แต่ต้องไม่ท่วมจนเปียกใบหรือเถา เพราะจะทำรากเน่าได้

  • ในระยะแรกของการเจริญเติบโตคือเมื่อต้นแตงกวาอายุได้ประมาณ 7-10 วันหรือเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ และทำการถอนแยกเสร็จแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยยูเรียหรือแอมโมเนียมซัลเฟตในอัตรา 20 กิโลกรัม/ไร่ โรยไประหว่าง แถวหรือรอบๆ หลุมให้ห่างจาก หลุมประมาณ 2 คืบ ทั้งนี้เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น
  • พอเข้าระยะที่แตงกวา ออกดอกหรือมีอายุประมาณ 25-30 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12 ในอัตราประมาณ 20-30 กิโลกรัม/ไร่ โดยโรยระหว่างแถว เพื่อช่วยให้แตงกวาติดผลดีและผล คุณภาพดีขึ้น
  • แต่พอหลังจากแตงกวาติดผลแล้วควรงดใส่ปุ๋ย เพราะอาจจะทำให้ดอกและผลร่วงได้ หลังจากใส่ปุ๋ยเสร็จควรพรวนดินและรดน้ำตามทุกครั้ง เพื่อให้ปุ๋ยละลายเป็นประโยชน์ต่อต้นแตงกวาโดยตรง
  • อายุการเก็บเกี่ยวของแดงกวาประมาณ 30-40 วัน หลังจากหยอดเมล็ด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่ใช้ปลูกและการดูแลรักษา
  • การเก็บเกี่ยวแตงกวารับประทานสดให้เลือกเก็บขณะที่ผลยังอ่อน เนื้อแน่นกรอบ และก่อนที่เมล็ดภายในผลจะแข็ง สังเกตได้จากมีนวลสีขาวเกาะและยังมีหนามอยู่บ้าง พันธุ์พื้นเมืองที่นิยมปลูกในปัจจุบันจะมีขนาดความยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร มีสีเขียวอ่อนปนขาว
  • ถ้าเป็นผลแก่จะเริ่มมีสีเหลือง ในการเลือกเก็บแตงกวารับประทานสดนั้นควรทยอยเก็บเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้แตงกวาแก่คาต้น เพราะจะทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลง ปกติจะเก็บเกี่ยวผลได้นานประมาณ 1 เดือน
  • หลังจากเก็บผลแตงกวาแล้วต้องรีบนำเข้าที่ร่มทันที ห้ามนำไปล้างน้ำ เพราะจะทำให้ผลมีสีเหลืองเร็ว เพราะฉะนั้นหลังจากฝนตกใหม่ๆ ไม่ควรเก็บเกี่ยวผลแตงกวา ควรรอให้ดินแห้งดีเสียก่อน

โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยของต้นแตงกวา

1.โรคราน้ำค้าง หรือที่นิยมเรียกกันว่า โรคโบลาย

โรคราน้ำค้าง_แตงกวา

สาเหตุเกิดจากเชื้อรามักระบาดในฤดูฝน ที่มีอากาศเย็นและชื้น

อาการส่วนใหญ่จะเกิดบนใบ โดยเริ่มเป็นจุดแผลสีเขียวชิดขึ้นก่อน ต่อมาจะค่อยๆ ขยายโตขึ้นเป็นสีเหลืองและมีขอบเขตเป็นเหลี่ยมตามแนวของ เส้นใบ

  • ถ้าเป็นมากแผลจะลามไปทั้งใบทำให้ใบแห้งตาย ใบร่วง ต้นโทรม
  • ถ้าอากาศชื้นจะพบว่าได้ใบตรงกับตำแหน่งของแผลจะมีเส้นใยสีขาวเกาะเป็น กลุ่มและมีสปอร์เป็นผงสีดำ เมื่อต้นแตงกวาเป็นโรคนี้จะส่งผลทางอ้อมไปถึง คุณภาพของผลคือ ผลเจริญเติบโตไม่เต็มที่ แคระแกร็น รสชาติและคุณภาพ ไม่ดี

การป้องกัน

  • เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่ต้านทานโรค หรือนำเมล็ดไปคลุกกับสารป้องกันเชื้อรา เช่น ไตรโคเดอร์มา หรือสารเคมีก่อนปลูก
  • จัดระยะปลูกให้เหมาะสม เพื่อให้แปลงโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ลดความชื้นสะสม
  • หมั่นตรวจแปลงสม่ำเสมอ หากพบใบที่เป็นโรค ให้รีบตัดทิ้งและทำลายทันที

การแก้ไข:

2.โรคใบด่าง

โรคใบด่างในแตงกวา

สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส

  • ซึ่งมักมี เพลี้ยอ่อน และ เพลี้ยไฟ เป็นพาหะนำโรค ทำให้ระบาดมากใน ฤดูฝน โดยมีเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะนำโรค ลักษณะอาการคือใบจะด่างสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อนหรือด่างเรียงสลับเหลือง เนื้อใบตะปุ่มตะป่ามีลักษณะนูนเป็นระยะๆ ใบหงิกเสียรูปทรงใบหดย่น มีขนาดเล็กลง ขอบใบม้วน ข้อและปล้องสั้น ต้นแคระแกร็น

การป้องกัน:

  • กำจัดแมลงพาหะ อย่างสม่ำเสมอ
  • เลือกใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรค
  • ถอนต้นที่เป็นโรคไปทำลายทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังต้นอื่น

การแก้ไข:

  • ปัจจุบันยังไม่มีสารเคมีที่ใช้รักษาโรคใบด่างโดยตรง การแก้ไขจึงเน้นที่การกำจัดต้นที่เป็นโรคและควบคุมแมลงพาหะเป็นหลัก

3. เพลี้ยไฟ

เพลี้ยไฟที่ใบแตงกวา
  1. เพลี้ยไฟ (Thrips)

แมลงขนาดเล็กที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดและใบอ่อน ทำให้ใบหงิกงอ มักระบาดหนักใน ฤดูแล้ง และ ฤดูร้อน

การป้องกัน:

  • รักษาความสะอาดแปลงปลูก กำจัดวัชพืช
  • ใช้กับดักกาวสีเหลืองหรือสีฟ้าเพื่อดักจับตัวเต็มวัย
  • สร้างความชื้นในแปลงโดยการฉีดน้ำที่พื้นดิน

การแก้ไข:

4. เพลี้ยอ่อน

เพลี้ยอ่อนในใบแตงกวา_1

แมลงดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดและใบอ่อน ทำให้ใบหงิกงอ และยังเป็นพาหะของโรคไวรัส มักระบาดตลอดทั้งปีโดยเฉพาะใน ฤดูฝน และ ฤดูร้อน

การป้องกัน:

  • ควบคุมแมลงพาหะอย่างสม่ำเสมอ
  • ฉีดพ่นด้วยน้ำผสมสบู่เหลวหรือน้ำส้มควันไม้เพื่อไล่แมลง

การแก้ไข:

เต่าแตงแดง (Red pumpkin beetle)

เต่าแตงแดงที่ใบแตงกวา

แมลงปีกแข็งที่กัดกินใบ ทำให้เกิดรูพรุนบนใบ มักระบาดในช่วง ฤดูร้อน หรือ อากาศแห้ง

การป้องกัน:

  • หมั่นสำรวจแปลงและเก็บทำลายตัวเต็มวัย
  • รักษาความสะอาดของแปลงปลูก

การแก้ไข:

ข้อมูลอ้างอิง
1. คู่มือการปลูกผัก,ชำนาญ เขียวอำไพ, สำนักพิมพ์เกษตรสยาม , 2557, หน้า 50-56

Anndagarden ฝากกด like เพจด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆจากเรา

สินค้าที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ

บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️

ปลูกแตงกวาแบบมืออาชีพ

เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

อิตาเลี่ยนเบซิล ผักเมดิเตอร์เรเนียน ปลูกง่าย

อิตาเลี่ยนเบซิล...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ปลูกผักกินใบในแต่ละฤดู

🌱ปลูกผักกินใบใน...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้มงคลทานได้

ดอกบานชื่น มีคว...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ฟักทองพันธุ์ต่างๆและวิธีปลูก

ฟักทองยอดนิยมพั...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี

การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ

เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️

 เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้   เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็ปไซต์ เราใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจคุณ ดูรายละเอียดนโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้