ถิ่นกำเนิดของดอกบานชื่น
- ต้นบานชื่นมีชื่อวิทยาศาสตร์ Zinnia violacea Cav.
- ชื่อสามัญ Zinnia, Youth and Old age, Poorhouse Flower
- วงศ์ ASTERACEAE
- Zinnia เป็นชื่อที่ตั้งให้เป็นเกียรติแก่ Dr. Johann Gottfried Zinn (ค.ศ. 1727-1759) ศาสตราจารย์ทางพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่นำเมล็ดบานชื่นจากอเมริกาเข้าสู่ยุโรป
- บานชื่นมีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกากลาง
- บานชื่นเป็นไม้ดอกล้มลุกปลูกได้ดีในประเทศไทย บานชื่นสามารถเพาะปลูกและการดูแลรักษาได้ง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ดอกมีสีสันสะดุดตา ปัจจุบันบานชื่นได้รับการพัฒนาและปรับปรุง พันธุ์และมีหลากสายพันธุ์
ความหมายของดอกบานชื่น
ดอกบานชื่นจัดเป็นดอกไม้มงคลชนิดหนึ่ง เนื่องจากชื่อ “บานชื่น” เป็นคำมงคลที่สื่อถึงความเบิกบานและความสุข นิยมปลูกไว้ประดับบ้านเรือนด้วยความเชื่อว่าจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ครอบครัว
นอกจากนี้ ดอกบานชื่นยังมีความหมายดีๆ ตามภาษาดอกไม้ ดังนี้:
- ความรักที่ยั่งยืน: ดอกบานชื่นมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคง ยาวนาน และซื่อสัตย์
- ความสุขและความเบิกบาน: ชื่อ “บานชื่น” สื่อถึงความสุขและความสดใส ทำให้ดอกไม้นี้เป็นตัวแทนของความรู้สึกดีๆ
- ความคิดถึง: ดอกบานชื่นยังสื่อถึงความคิดถึงและความระลึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดถึงเพื่อนเก่า
- ความทรงจำ: ดอกบานชื่นสีเหลืองมักถูกใช้เพื่อสื่อถึงการระลึกถึงความทรงจำในอดีต
ด้วยความหมายที่เป็นมงคลและสีสันสดใสสวยงาม ทำให้ดอกบานชื่นเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
ความหมายสีของบานชื่นแต่ละสี
ดอกบานชื่นสีแดง
สื่อถึงความรัก ความหลงใหล ความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ
ดอกบานชื่นสีชมพู
เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน ความเมตตา มิตรภาพ และความรักที่บริสุทธิ์
ดอกบานชื่นสีส้ม
แสดงถึงความสดใส ความอบอุ่น ความกระตือรือร้น และพลังงานที่เต็มเปี่ยม
ดอกบานชื่นสีเหลือง
หมายถึงความสุข ความเบิกบาน มิตรภาพ และความโชคดี
ดอกบานชื่นสีขาว
สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความจริงใจ การเริ่มต้นใหม่ และการรำลึกถึงผู้ที่จากไป
ดอกบานชื่นสีม่วง
สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความจริงใจ การเริ่มต้นใหม่ และการรำลึกถึงผู้ที่จากไป
ดอกบานชื่นสีเขียว
แสดงถึงความเจริญเติบโต ความสดชื่น ความอุดมสมบูรณ์ และความหวัง
ดอกบานชื่นหลากสี
การคิดถึงเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกัน
โดยรวมแล้ว ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความอดทน ความแข็งแกร่ง และมิตรภาพที่ยั่งยืน เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ปลูกง่าย ทนทาน และบานได้นาน
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกบานชื่น
- เป็นไม้ล้มลุกอายุประมาณ 1 ปี
- นอกจากนี้บางพันธุ์ยังมีกลีบดอกรูปร่างต่างกันเช่น มีกลีบ ดอกเล็กและบิดงอคล้ายเบญจมาศ มีการจัดเรียงของกลีบดอกคล้ายรักแรก เป็นต้น เมล็ดมีขนาดใหญ่ แบน สีน้ำตาลเข้มหรือดำ
วิธีการเพาะเมล็ดบานชื่น
วัสดุ
- ตะกร้าเพาะเมล็ด หรือ กระถางปลูกขนาดเล็ก
- วัสดุบุก้นตะกร้า
- ไม้กดร่อง
- เมล็ดพันธุ์
- ไม้คีบเมล็ดพันธุ์
- ขุยมะพร้าว
- แกลบดำ
การเพาะเมล็ดในตะกร้า
- ตะกร้าควรมีขนาด 30 x 40 เซนติเมตร หรือใหญ่กว่า กรุก้นตะกร้าและขอบตะกร้าด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ โดยกรูสูง ½ – ¾ ของความสูง
ใส่วัสดุเพาะ
- นำวัสดุเพาะที่ประกอบด้วยขุยมะพร้าว 1 ส่วน ต่อแกลบดำ 1 ส่วน วัสดุเพาะควร มีความชื้นปานกลาง ถ้ามีความชื้นน้อยก็สามารถเติมน้ำลงไปในขณะที่ผสมก็ได้ ใส่วัสดุเพาะลง ไปอย่างหลวมๆ ให้มีความสูง 3/4 ของความสูง เกลี่ยผิวหน้าให้เรียบและสม่ำเสมอ
การกดร่อง
- ใช้ไม้สันหนากดลงบนผิวหน้าวัสดุเพาะเบาๆ ตามขวางให้เกิดร่องลึกประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่ละร่องห่างกันประมาณ 2-25 เซนติเมตร จะได้ประมาณ 5-6 ช่อง
การโรยเมล็ดพันธุ์
- โรยเมล็ดลงไปในร่องอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจใช้มือหยิบเมล็ดหรือใช้ปากคีบ (Forcept) หยิบเมล็ดวางลงไปในร่องก็ได้ แต่อย่าหนาแน่นมากเพราะอาจทำให้เป็นโรคโคนเน่า เมื่อต้นกล้างอก และต้นกล้าอาจยึดแข่งขันกันเพื่อหาแสง
- กลบร่องที่โรยเมล็ดแล้วบางๆ เพื่อให้วัสดุเพาะกระชับกับเมล็ด ใช้บัวฝอยรดน้ำให้ พอชุ่มแต่อย่าแฉะมากเพราะอาจทำให้เมล็ดเน่า หลังจากนั้นใช้หนังสือพิมพ์อีกแผ่นหนึ่งชุบน้ำให้ชุ่ม ปิดหน้าวัสดุเพาะให้มิดแล้วรดน้ำซ้ำอีกครั้ง แล้วนำไปเก็บไว้ที่ร่ม
การงอกของบานชื่น
- เมล็ดบานชื่นจะงอกภายใน 2 วัน ในช่วงวันแรกที่เพาะควรรดน้ำาอย่างสม่ำเสมอ เวลาเช้าและบ่าย เพื่อให้ความชื้นพอเพียงและสม่ำเสมอ จะทำให้การงอกดีขึ้น
- เมื่อเมล็ดงอกประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เปิดกระดาษหนังสือพิมพ์ออกเพื่อให้ต้นกล้ารับแสง ซึ่งการเปิดกระดาษออกควรเปิดในตอนเย็นและกระดาษแห้ง จะปลอดภัยต่อต้นกล้ามากกว่า
การควบคุมความชื้น
- หลังจากเปิดกระดาษออกแล้วควรควบคุมความชื้นในวัสดุเพาะให้สม่ำเสมอจะทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกสูงขึ้น การรดน้ำต้นกล้าก็ควรจะระวัง เพราะต้นกล้ายังมีขนาดเล็กทนต่อแรง ปะทะของน้ำได้ไม่มาก อาจรดน้ำในวันถัดไป เพื่อให้ต้นกล้าที่งอกตั้งตัวก่อน หรืออาจใช้เครื่องพ่นฝอย(Foggy) พ่นน้ำให้เป็นละออง
การย้ายต้นกล้า
- หลังจากต้นกล้าคลี่ใบเลี้ยงออกเต็มที่แล้วก็สามารถย้ายปลูกได้ทันที
- แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็สามารถย้ายลงถาดหลุมขนาดประมาณ 1 นิ้วก่อน หรือกระถางขนาด 2-3 นิ้วก่อน เพื่อเลี้ยงให้ มีใบจริง 1-2 คู่ใบ จึงค่อยย้ายลงปลูกในกระถาง
- และถ้าย้ายกล้าช้ากว่านี้ต้นกล้าจะยึดมาก เมื่อนำมาเลี้ยงให้เป็นต้นที่สมบูรณ์ จะไม่สวยงาม ดันจะสูงไม่กะทัดรัด ทำให้ได้ต้นที่ไม่มีคุณภาพ การปลูก และการดูแลรักษา
• วิธีการปลูกและบำรุงดอกบานชื่น
การปลูก หลังจากที่ต้นกล้างอกขึ้นมาและใบเลี้ยงกางออกเต็มที่แล้วก็ควรย้ายปลูกทันที
- ถ้าปลูกลงกระถางขนาด 4-6 นิ้ว ใช้จำนวน 1 ต้น , แต่ถ้าใช้กระถางขนาด 8-10 นิ้ว ควรใช้จำนวนตันต่อกระถาง 2-3 ตัน, หลังจากการย้ายปลูก แล้วอาจไม่จำเป็นต้องทำที่พรางแสงให้ต้นกล้าก็ได้ แต่จะต้องคอยดูแลการรดน้ำต้นกล้าหลังย้าย ปลูกให้ดีในช่วง 2-3 วันแรก
- ถ้าทำที่พรางแสงให้ก็สามารถใช้ซาแรน 50% ขึงหนึ่งชั้น เมื่อเห็นว่า ต้นกล้าตั้งต้นแล้วรีบเอาออกไม่เช่นนั้นต้นจะยึด ไม่กะทัดรัด การจัดวางอาจใช้วิธีการจัดวางแบบถาวร หรือเคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งก็ได้
- แต่จะนิยมใช้วิธีแบบที่สอง คือจะเคลื่อนย้ายหลังจากใบเริ่มชนกัน แล้วจะจัดวางตามระยะปลูกจริง (True space) ยอดข้างของบานชื่นจะโตเร็วมาก ถ้าย้ายซ้าหรือจัดระยะปลูกช้าจะทำให้ได้ยอดที่ยึดยาว ทรงพุ่มไม่กะทัดรัด
- พื้นที่เหมาะสมในการปลูกบานชื่นกระถาง คือ 15-20 × 15-20 เซนติเมตร (25-36 ต้นต่อตารางเมตร)
แสง
บานชื่นสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่เมื่อได้รับแสงแดดโดยตรง และตลอดทั้งวัน
อุณหภูมิ
- การปลูกในที่มีอุณหภูมิต่ำและอากาศเย็น จะทำให้ได้ต้นที่มีคุณภาพที่ดี ทรงพุ่มแน่น ดอกใหญ่ สีเข้มกว่า และดอกจะดกกว่าเมื่อเทียบกับการปลูกฤดูอื่น
น้ำและความชื้น
- ในช่วงแรกที่หยอดเมล็ด ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเวลาเช้าและบ่าย เมื่อต้นกล้างอกควรให้น้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดูดซับน้ำ ของวัสดุปลูกและฤดูกาล ควรให้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
- การให้น้ำในตอนเย็นควรจะให้เสร็จก่อน 15.00 น. เพื่อให้ใบบานชื่นแห้งก่อนดวงอาทิตย์ตก เป็นการป้องกันการเกิดโรคทางใบอีกทางหนึ่ง
ปุ๋ย
- บานชื่นเป็นพืชที่มีความต้องการธาตุอาหารไม่มาก
- การให้ปุ๋ยควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 1-2 เดือน
การเด็ดยอด
- ในการปลูกบานชื่นไม่มีความจำเป็นในการเด็ดยอด ทั้งนี้เนื่องจากดอกแรกของบานชื่นจะมีขนาดดอกใหญ่ที่สุด
โรคและแมลงศัตรูพืชของดอกบานชื่น
ในฤดูอาจมีปัญหาแตกต่างกันไป ดังนี้
📌โรคและศัตรูพืชที่พบบ่อยในบานชื่น
โรคราแป้ง:
- มักพบในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีความชื้นสูง
- ลักษณะอาการ: มีผงสีขาวคล้ายแป้งปกคลุมบนใบ ลำต้น และดอก
- การป้องกันและดูแล: ปลูกในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการรดน้ำที่ใบในช่วงเย็น
- ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา
โรคใบจุด:
- พบได้ทุกฤดู โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก
- ลักษณะอาการ: เกิดจุดสีน้ำตาลหรือดำบนใบ
- การป้องกันและดูแล: รดน้ำที่โคนต้น หลีกเลี่ยงการรดน้ำให้โดนใบ
- ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น บาซิลลัส ซับทิลิส
🐛แมลงศัตรู:
- เพลี้ยอ่อน: ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและยอดอ่อน ทำให้ต้นอ่อนแอ
- หนอน: กัดกินใบและดอก ทำให้ต้นเสียหาย
- ไรแดง: ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใต้ใบ ทำให้ใบเป็นจุดสีเหลือง และใบจะร่วงในที่สุด
การป้องกันและดูแล: หมั่นตรวจดูต้นบานชื่นอย่างสม่ำเสมอใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย
• ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้กินได้ไหม
ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้กินได้ (edible flower)
- รสชาติของดอกบานชื่นค่อนข้างอ่อน อาจมีรสขมเล็กน้อย
- นิยมใช้กลีบดอกในการตกแต่งจานอาหาร สลัด หรือเครื่องดื่ม
- โดยทั่วไปแล้วควรรับประทานแค่กลีบดอก และนำส่วนที่เป็นเมล็ดออก
เมนูที่นิยมทำจากดอกบานชื่น
ดอกบานชื่น แม้จะรับประทานได้แต่ส่วนใหญ่จะนิยมนำมาใช้เพื่อตกแต่งอาหารมากกว่านำมาประกอบอาหารเป็นหลัก เนื่องจากมีรสชาติอ่อนๆ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมนูที่นิยมนำดอกบานชื่นมาใช้มีดังนี้:
- สลัด: กลีบดอกบานชื่นช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับสลัดผักต่างๆ
- เครื่องดื่ม: นำกลีบดอกบานชื่นมาตกแต่งเครื่องดื่ม เช่น ค็อกเทล น้ำผลไม้ หรือชา ทำให้ดูน่าดื่มยิ่งขึ้น
- ของหวาน: ใช้กลีบดอกบานชื่นตกแต่งเค้ก คัพเค้ก หรือขนมหวานอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามและกลิ่นหอม
- อาหารจานหลัก: ตกแต่งจานอาหารจานหลัก เช่น สเต็ก หรืออาหารทะเล ด้วยกลีบดอกบานชื่นเพื่อเพิ่มความหรูหรา
- ชาร้อน: กลีบดอกบานชื่นตากแห้งสามารถนำมาชงเป็นชาร้อนได้
สินค้าที่น่าสนใจ
ต้นโรสแมรี่เลื้อย
ต้นหญ้าหวาน|
69฿Original price was: 69฿.59฿Current price is: 59฿.ต้นเปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
ต้นกะเพราแดง
ต้นพริกขี้หนู
ต้นสะระแหน่
ต้นวอเตอร์เครสเขียว
ต้นผักชีฝรั่ง
ต้นจิงจูฉ่าย
ต้นกระชายขาว
ต้นวอเตอร์เครสแดง
เมล็ดพันธุ์กะเพราแดง
เมล็ดพันธุ์โหระพา
เมล็ดผักสลัดบิ๊กเรดโอ๊ค
เมล็ดพันธุ์กะเพราป่า
เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศลูกท้อ
เมล็ดพันธุ์คะน้ายอด
เมล็ดพันธุ์แมงลัก เจียไต๋
เมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ
เมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่ม
เมล็ดพันธุ์บวบงูสเน็กกี้
เมล็ดพันธุ์ผักกะหล่ำปลี
ไตรซาน ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม
สารชีวภัณฑ์เมทาซาน เมทาไรเซียม แอนิโซเพลีย
ชีวภัณฑ์บูเวริน บูเวเรีย บัสเซียน่า
น้ำส้มควันไม้ ทีพีไอ สูตรพรีเมียมโกลด์ ไร้กลิ่น
ไลซินัส พาซิโลมัยซิส ไลลาซินัส
ไลท์นิ่งค์ บาซิลลัส ทูริงเยนซิส
ลาร์มิน่า บาซิลลัส ซับทิลิส
พีสมอส เอสทีมซุปเปอร์พีท (ตรานกเงือก)
บทความที่น่าสนใจ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม▶️
ดอกบานชื่นเป็นดอกไม้มงคลทานได้
ดอกบานชื่น มีคว...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ฟักทองพันธุ์ต่างๆและวิธีปลูก
ฟักทองยอดนิยมพั...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกแวววิเชียรให้ออกดอกทั้งปี
การบำรุงแวววิเช...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
เทคนิคการปลูกแววมยุราอย่างมืออาชีพ
เคล็ดลับการปลูก...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
จิงจูฉ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักใบเขียวปลูกง...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ปลูกช็อกโกแลตมิ้นต์ กลิ่นเย้ายวนหอมเย็น
ปลูกช็อกโกแลตมิ...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
มาร์จอแรมสมุนไพรรสละมุน
มาร์จอแรมเป็นสม...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️
ดอกเดซี่ ดอกมากาเร็ต และดอกคัตเตอร์(แอสเตอร์)ต่างกันอย่างไร
ดอกไม้ยอดนิยม ข...อ่านเพิ่ม▶️▶️▶️