ปลูกแววมยุราให้ออกดอกตลอดปี จัดสวนได้หลายแบบ ดอกไม้กินได้

สารบัญ

ถิ่นกำเนิดของแววมยุรา
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของแววมยุรา
วิธีปลูกและการดูแลต้นแววมยุรา และช่วงเวลาออกดอก
3 เทคนิคแววมยุราดอกดกทั้งปี
การขยายพันธุ์ต้นแววมยุรา
โรคและแมลงศัตรูพืชของแววมยุรา
แววมยุราทานได้ไหม
การจัดสวนด้วยแววมยุรา

แววมยุราเป็นดอกไม้ที่น่ารักเป็นดอกเล็กสีขาวผสมกับสีฟ้าบ้าง ม่วงบ้าง ชมพูบ้าง นิยมนำมาปลูกเป็นไม้กระถาง แล้วนำมาประดับในที่ร่มหรือที่ที่มีแสงส่องในช่วงเช้า

ถิ่นกำเนิดของแววมยุรา

ต้นแววมยุรา มีชื่อวิทยาศาสตร์: Torenia fournieri
ชื่อสามัญ Tarenia, Wishbone flower, Blue Wing
วงศ์ SCROPHULARIACEAL
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ประเทศอินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นและความชื้นสูง จึงทำให้ต้นแววมยุราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศในเมืองไทย
เป็นไม้ดอกล้มลุก อายุประมาณ 1 ปี

ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของแววมยุรา

กลีบดอก

มีหลายสี โคนกลีบมีสีขาว กลีบล่างอาจมีแต้มสีเหลือง

ช่อดอกเป็นช่อกระจะ (Raceme)

จำนวน 3-7 ดอก ดอกย่อยขนาด 15-25 เซนติเมตร โคนกลีบเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายกลีบ แยกเป็น 5 แฉก ขนาดไม่เท่ากัน

ใบรูปหัวใจ

รูปไข่หรือรี ปลายใบแหลม ขอบหยักซี่ฟัน

กิ่ง

กิ่งเป็นสี่เหลี่ยม และไม้ดอกทรงพุ่งสูงประมาณ 10-50 เซนติเมตร

🧺Shop now

วิธีปลูกและการดูแลต้นแววมยุรา

การปลูก

ดิน

เตรียมดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินก่อนปลูก รักษาความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ แต่ควรระวังไม่ให้ดินชุ่มน้ำเกินไป เนื่องจากอาจทำให้รากเน่า

แสง

ชอบแสงแดดรำไร ถึงแสงแดด อย่างไรก็ตามแววมยุราไม่ทนต่อแสงแดดจัดเกินไป

อุณหภูมิ

การปลูกในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำและอากาศเย็น จะทำให้ได้ต้นที่มีคุณภาพที่ดี ทรงพุ่มแน่น ดอกใหญ่ สีเข้ม และดอกจะดกกว่า เมื่อเทียบกับการปลูกฤดูอื่น อุณหภูมิที่เหมาะสม กลางวัน 18-21 องศาเซลเซียส

อย่างไรก็ตามในฤดูร้อนจัด ควรปลูกในพื้นที่แดดรำไร หรือใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อลดอุณหภูมิลง

การรดน้ำ

รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น อย่ารดน้ำในช่วงที่อากาศร้อนจัด

ในฤดูร้อนจัด ควรรดน้ำบ่อยขึ้น

การดูแล:

ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ทุก 2-3 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและออกดอก
หมั่นตัดแต่งใบและดอกที่แห้งหรือเสียหาย เพื่อส่งเสริมการออกดอกใหม่

ต้นแววมยุราออกดอกช่วงไหน

แววมยุราจะเริ่มออกดอกในช่วง ฤดูฝนจนถึงต้นฤดูหนาว (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมในประเทศไทย) และสามารถออกดอกได้ตลอดช่วงที่อากาศชื้นและอบอุ่น

3 เทคนิคแววมยุราดอกดกทั้งปี

แสงแดด

ควบคุมแสงแดดให้พอเหมาะ ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดด และไม่ร้อนจนเกินไป เพื่อป้องกันการเหี่ยวเฉา

ปุ๋ย

รักษาสภาพดินให้มีความชื้นเพียงพอ

และใส่ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ปุ๋ยสูตร 8-24-24 หรือปุ๋ยเร่งดอก

ตัดกิ่ง

หมั่นตัดดอกที่โรยแล้วออก เพื่อกระตุ้นให้ต้นออกดอกใหม่ต่อเนื่อง และการเด็ดยอดเพื่อให้มีลักษณะเป็นพุ่งสวยงาม

การขยายพันธุ์ต้นแววมยุรา

การเพาะเมล็ด:
- เป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุด ควรเพาะเมล็ดแววมยุราในดินที่ระบายน้ำได้ดี และเก็บรักษาในที่ที่มีแสงแดดรำไร
- เมล็ดจะงอกในเวลา 7-14 วันหลังปลูก
การปักชำ:
- ตัดกิ่งที่มีความยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วปักลงในดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ รดน้ำให้ชุ่ม รากจะเริ่มงอกใน 2-3 สัปดาห์

โรคและแมลงศัตรูพืชของแววมยุรา

แมลงศัตรูพืช:

โรค

โรครากเน่า (Root Rot)

สาเหตุ: เกิดจากเชื้อราในดิน เช่น Pythium, Phytophthora และ Rhizoctonia ซึ่งมักเกิดในดินที่มีการระบายน้ำไม่ดีหรือมีความชื้นสูงเป็นเวลานาน ทำให้ต้นไม้มีอาการใบเหี่ยวเฉา และรากเน่า

วิธีป้องกันด้วยสารชีวภัณฑ์:

ใช้ สารชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มา ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดดีที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อราชนิดที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดโรครากเน่า
ปรับปรุงดินให้มีการระบายน้ำที่ดี ไม่ให้น้ำขังนาน
หมั่นตรวจสอบดินรอบรากว่ามีความชื้นเกินไปหรือไม่

โรคราน้ำค้าง (Downy Mildew)

สาเหตุ: เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Peronospora หรือ Plasmopara มักพบในสภาพอากาศที่ชื้นสูงหรือมีน้ำค้างมาก สังเกตมีคราบสีขาวหรือเหลืองบนใบ ทำให้ใบเหลืองและแห้ง

วิธีป้องกันด้วยสารชีวภัณฑ์:

ใช้สารชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มา ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราสาเหตุโรครา
ปรับการรดน้ำในช่วงเช้าตรู่ เพื่อให้ใบแห้งเร็ว
ลดความชื้นในสภาพแวดล้อม เช่น การเว้นระยะปลูกให้มีการระบายอากาศที่ดี

แมลง

เพลี้ยไฟ เพลี้ยดำ และ เพลี้ยอ่อน

สาเหตุ: เพลี้ยเกิดจากแมลงตัวเล็กที่ชอบดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้น ทำให้ใบเหี่ยวเฉาและหยุดการเจริญเติบโต เพลี้ยไฟมักแพร่ระบาดในสภาพอากาศร้อนและแห้ง

วิธีป้องกันด้วยสารชีวภัณฑ์:

ใช้ เชื้อราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) ที่จะเข้าไปทำลายเพลี้ยจากภายใน
หมั่นตรวจสอบใบและต้นพืชเพื่อตัดใบที่ติดเพลี้ยทิ้งก่อนแพร่ระบาด

หนอนกินใบ (Leaf-eating caterpillars)

สาเหตุ: เกิดจากหนอนที่ฟักจากไข่ของแมลงเช่น ผีเสื้อกลางคืน โดยพวกมันจะกัดกินใบไม้ทำให้ใบมีรูพรุนและเสียหาย

วิธีป้องกันด้วยสารชีวภัณฑ์:

ใช้สารชีวภัณฑ์จากเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทุริงเยนซีส (Bacillus thuringiensis) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีความสามารถในการฆ่าหนอน แต่ไม่ทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่น

แววมยุราทานได้ไหม

ดอกแววมยุราเป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งอาหาร เพราะมีสีสันสวยงามสดใส สีหวาน

ข้อดีของการนำดอกแววมยุรามาประกอบอาหาร

เพิ่มสีสันและความน่าสนใจให้กับอาหาร: ดอกแววมยุราที่มีหลากหลายสีสัน สามารถนำมาตกแต่งจานอาหารได้อย่างสวยงาม ทำให้อาหารดูน่าทานมากขึ้น
มีใยอาหาร: ดอกแววมยุราอุดมไปด้วยใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย

เมนูที่นิยมนำแววมยุรามาประกอบอาหาร

ทานสดๆ: สามารถนำดอกแววมยุรามาทานสดๆ ร่วมกับสลัด หรือแต่งหน้าเค้ก คุกกี้
ทำชา: สามารถนำดอกแววมยุรามาใช้ทำเป็นชา

ข้อควรระวัง

ควรเลือกดอกที่ปลอดสารเคมี: เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกดอกแววมยุราที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี
ล้างทำความสะอาดให้สะอาด: ก่อนนำดอกแววมยุรามาทาน ควรล้างให้สะอาด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก

การจัดสวนด้วยแววมยุรา

ต้นแววมยุรา (Torenia fournieri) นิยมใช้ในการแต่งสวนหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใสและมีรูปทรงที่น่ารัก มาดูวิธีการแต่งสวนยอดนิยมที่ใช้ต้นแววมยุรา:

สวนแบบกระถาง:

แววมยุราเหมาะสำหรับปลูกในกระถางเล็ก ๆ เนื่องจากขนาดต้นไม่ใหญ่ ทำให้ดูน่ารักเมื่อจัดเป็นสวนกระถางวางบนระเบียงหรือลานบ้าน

สามารถปลูกเป็น กระถางแขวน เพื่อให้ดอกห้อยลงมาเป็นเส้นสีสันสดใส ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับมุมบ้าน

สวนริมทางเดิน และไม้คลุมดินได้

ต้นแววมยุราเหมาะสำหรับใช้จัดสวนริมทางเดินหรือปลูกเป็นขอบสวน เนื่องจากมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย ช่วยให้พื้นที่ดูสดชื่นและมีสีสัน ควรปลูกเรียงต่อกันเป็นแนวเพื่อสร้างความสวยงามและเพิ่มมิติให้กับทางเดินในสวน หรือทำเป็นไม้ดอกคลุมดินได้

สวนผสมพืชหลายชนิด:

สามารถปลูกแววมยุราร่วมกับพืชอื่น ๆ ที่มีลักษณะและสีที่แตกต่าง เช่น ผักสวนครัว หรือต้นไม้ดอกชนิดอื่น ๆ เพื่อสร้างคอนทราสต์สีและเพิ่มความหลากหลายในสวน นิยมปลูกร่วมกับพืชที่มีสีขาวหรือสีเขียว เพื่อทำให้สีของดอกแววมยุราโดดเด่นขึ้น

สวนสไตล์ทรอปิคอล:

ต้นแววมยุรามีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน จึงเหมาะกับการใช้ตกแต่งสวนแบบทรอปิคอล ปลูกคู่กับพืชเขตร้อนอื่นๆ เช่น เฟิร์นและต้นไม้ใบเขียว เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่นและเป็นธรรมชาติ